ดวงประเทียบ

 

ดวงประเทียบ เปาบุ้นจิ้น ผู้ทรงสถิตย์ยุติธรรม
28 ส.ค. 2559

 

พอขึ้นหัวข้อเรื่อง ถ้าคอลัมม์นี้ส่งเสียงเพลงออกมาได้ ก็จะขึ้นไตเติ้ลด้วยเพลงที่คุ้นหู ฟังปั๊บก็รู้ปุ๊บว่าเป็นเรื่องเปาบุ้นจิ้นแน่แล้ว และคุ้นเคยกับหน้าตาของท่านเปามาก คือ หน้าดำ มีจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่หน้าผาก เปาบุ้นจิ้นมีตัวจริงในประวัติศาสตร์ ท่านไม่ได้เป็นข้าราชการตุลาการศาล แต่ท่านสอบเข้ารับราชการนับตั้งแต่เป็นจิ้นสือเหมือนชอลิ่วเฮียง อ้อ ขอโทษ ชอลิ่วเฮียงของโกวเล้งมีตัวจริงในโลกวรรณกรรม แต่ท่านเปาหน้าดำมีตัวจริงในประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ้อง รัชสมัยพระเจ้าซ้องเหรินจง
 
กำเนิดเปาบุ้นจิ้น เป็นบุตรคนที่สามของเปาแบ๊ะบ้วนและนางหลีสี ตอนเกิดมามีตำนานเล่าว่า “พอเวลาดึกประมาณสองยาม หลีเล่ากุนเทพยดา ก็นำวิญญาณบุ๋นเคียกแช มาจากฟ้าสู่ครรภ์ของนางหลีสี ขณะนั้นนางหลีสีก็คลอดบุตรเป็นชาย มีกลิ่นหอมตลบไปทั้งบ้าน ร้องเสียงดังเหมือนหงส์ แสงสว่างปรากฏขึ้นทั่วทั้งบ้านเป็นที่อัศจรรย์นัก”
 
ปรากฏว่าทารกคลอดออกมาหน้าดำ เปาแบ๊ะบ้วนสำคัญว่าเป็นปีศาจมาเกิด แถมเกิดมามีนิมิตประหลาด เลยปรึกษากับนางหลีสีจะเอาไปทิ้ง โชคดีที่บุตรสะใภ้นามว่านางหลิวสีซึ่งเป็นผู้มีการศึกษาทัดทานไว้ เพราะดูออกว่านิมิตหมายนั้นเกิดขึ้นเมื่อผู้มีบุญจะมาเกิด และเด็กคนนี้จะได้เป็นใหญ่ในวันหน้า เลยขอไปเลี้ยงดูแทน
 
ตรงนี้ขออธิบายว่า ผู้มีบุญสามารถมีลักษณะไม่งามก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม งามนักก็มีคนช่วย มีคนรักมากไปประสบการณ์ก็ไม่มี พระโพธิสัตว์ของเราในนิทานชาดกก็เคยรูปไม่งามมาแล้ว ก็พระเจ้ากุศราชไง วันหลังจะเล่าให้ฟัง
แต่ในตำนานบอกว่า อยู่บนสวรรค์หน้าตาสวยงาม แต่ถ้าลงมาทั้งรูปหน้างามจะช่วยชาติไม่ได้เลย จึงสลับหน้ากับเทพฝ่ายบู๊ ซึ่งอย่าไปรู้ชื่อเลย บอกไปก็ไม่มีใครจำได้
 
เอาเป็นว่าเมื่อเกริ่นนำพอสมควรแล้ว ทุกคนจะตอบพร้อมกันว่า ต้องราศีตุลย์แน่แล้ว ตอนนี้อยากบอกว่า สามารถเป็นได้ทั้งราศีเมษและราศีมังกร อ้อ กรกฏด้วย ส่วนใหญ่ผู้เที่ยงธรรมจะอยู่ในราศีนี้ เนื่องจากเป็นจรราศี (1) เข้มข้นกว่าราศีอื่น และลำบากมีประสบการณ์มาก แถมย้ายไปย้ายมา และส่วนใหญ่ก็รับราชการไปได้ดี นี่เป็นเคล็ดลับโหราศาตร์ของครูบาอาจารย์เชียว ใครไม่มีหนังสือเล่มนี้อ่านจะเสียใจจนตาย
 
 
ดวงประเทียบ, โหราศาสตร์ไทย, ษณอนงค์, อาจารย์แอน, ฮวงจุ้ย, เปาบุ้นจิ้น
 
 
แต่ในที่นี้วางไว้ที่ราศีสิงห์จ้ะ อ้าวพลิกความคาดหมาย เพราะมีเหตุผลประกอบซึ่งแน่นอนต้องได้ปทุมเกณฑ์ (2) และภพศุภะต้องมีกำลังด้วย เพราะตอนเกิดนั้นมีกลิ่นหอมมากับตัว ผู้มีปทุมเกณฑ์ต้องมีประสบการณ์กับของหอมทุกคน ไม่มีตอนเกิดก็ต้องหามาตอนโตจนได้ ในที่นี้เอาดาว ๕ เป็นสี่แก่ลัคน์เพราะได้เกณฑ์นิรันตรายด้วยด้วย ลัคนาดาว ๔ เป็นมหาจักรกุมที่ราศีสิงห์ ต้องใช้วาทะศิลป์ที่เป็นเหตุเป็นผล แถมต้องเป็นคำพูดที่หนักแน่น เป็นสัตย์ โน้มน้าวจิตใจคน และมีดาว ๓ เป็นมหาจักร เป็นศูนย์พาหะอีกซึ่งหมายถึงคดีความ ดาวคดีความเต็มไปหมด แต่เป็นดาวยิ่งยศคือดาว ๔ มหาจักรกุมลัคน์ จึงทำหน้าที่ตุลาการศาลแทนที่จะเจอคดีความกับตัว
 
มีดาว ๖ เป็นเกษตรกุมดาว ๑ ที่ราศีตุลย์ ทั้งดาว ๒ อยู่ภพวินาศที่ราศีกรกฏ คือไม่ได้อยู่กับบิดามารดา แต่ให้ดาว ๒ เป็นเกษตรเพราะพี่สะใภ้แสนดีเป็นผู้ดูแล จึงให้ดาว ๒ เกาะอยู่เพชฌฆาตฤกษ์เป็นที่รักของคนอื่นที่ไม่ใช่เรือนตน
และเหตุผลที่วางลัคนาที่ราศีสิงห์ เพราะตามประวัติเกิดยามสอง ดังนั้นจึงให้ลัคนาอยู่หลังดาว ๑ สามราศี และลักษณะของราศีสิงห์ คือจะมีจิตใจที่ห้าวหาญมีกำลัง แม้กษัตริย์ยังกล้าทัดทาน ส่วนตนุลัคน์เป็นนิจก็ได้รับแสงจากดาว ๖ ปทุมเกณฑ์อีก นี่เขาเรียกว่าปทุมเกณฑ์สองชั้น จะรับราชการสูง เป็นที่เกรงใจของทุกคนแม้แต่องค์ฮ่องเต้ แถมได้รับพระราชทาน หวายทองคำ กระบี่อาญาสิทธิ์ ที่เราเห็นประจำในหนัง เวลาจะลงโทษฮ่องเต้ เชื้อพระวงศ์ หรือขุนนางผู้ใหญ่ ที่ดาว ๑ เป็นนิจเพราะไม่ได้ต้องการลาภยศสรรเสริญใดๆ และเมื่อน้อยก็ไม่ได้อยู่กับบิดา
 
ดวงชะตาต้องมีหัวใจสิงห์ถึงจะกล้าหาญทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ทั้งวางดาว ๗ เป็นมหาจักรที่ราศีพฤษภ ได้ปัศวะเกณฑ์ เกาะภูมิปาโลฤกษ์ รับราชการตำแหน่งสูง นับตั้งแต่สอบได้จิ้นสือเมื่ออายุได้ยี่สิบเก้าปี รับราชการเป็นเวลากว่าสี่สิบห้าปี นับตั้งแต่นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการแผ่นดิน ผู้ว่าราชการกรุง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง แต่เรากลับรู้จักในด้านตุลาการ แต่ความเด็ดเดี่ยวตรงไปตรงมาและกล้าตัดสินใจ อันเป็นคุณลักษณะของราศีสิงห์ ทำให้ผู้คนพากันยกย่องและคอยร้องทุกข์ต่อเปาบุ้นจิ้นของเราเสมอ คือเจ้าเรือนภพศุภะ ดาว ๓ มาอยู่ตำแหน่งมหาจักรนำหน้าลัคน์ ชีวิตเกิดมาเพื่อการณ์นี้จริงๆ
 
ครั้งหนึ่งเคยลดขั้นตำแหน่งและปลดข้าราชการถึงสามสิบคนในคราเดียวกัน เพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ทั้งเคยกล่าวโทษเชื้อพระวงศ์ถึงหกครั้ง และแน่นอน ตอนประหารราชบุตรเขยก็เคยผ่านตาเรามาด้วยซ้ำ และฮ่องเต้ซ้องเหรินจงก็ไม่ได้ลงโทษหรือหาเรื่องใดๆ เข้าทำนองใครทำอะไรไม่ได้ ก็เพราะดาว ๕ เป็นสี่แก่ลัคน์ ทั้งปทุมเกณฑ์และนิรันตราย แถมเป็นมหาจักรอีก เข็มแข็งซะไม่มี
 
วางดาว ๘ ที่ราศีเมถุน เรือนของดาว ๔ มักมีเรื่องฟ้องร้อง แต่เมื่ออยู่ตำแหน่งโยคถึงกันจึงมีเรื่องมาร้องทุกข์เสมอๆ และดาว ๔ กับ ๘ ก็คู่ศัตรู ดังนั้นใครเห็นคราแรกไม่ได้นึกรัก ตั้งแต่พ่อแม่ทีเดียว แต่ด้วยดวงมหาจักรจึงมีอำนาจในตัว สังเกตไหมเป็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว (3) ตามที่ปรากฏบนหน้าผากเป๊ะเลย อย่างนี้แปลว่ามีเทพคุ้มครองไง แถมครึ่งเสี้ยวนี้มีดาว ๕ นำด้วย
 
อ้อต้องมีที่ให้ดาว ๐ และดาว ๙ ด้วย
 
ในที่นี้ให้ดาว ๐ อยู่กับดาว ๘ คือรูปไม่งามเพราะอยู่เป็นสิบเอ็ดแก่ลัคน์เป็นบาปเคราะห์ ทำมุมกับดาว ๔ สติปัญญาเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณ ทั้งมีอิทธิพลและคงจะเกิด ๔ กลางคืน คือ ๘ จึงเป็นดาวข่มอาชญากรรมด้วย มีอิทธิพลพิเศษ และให้ดาว ๙ กุมดาว ๑ และ ๖ ที่ราศีตุลย์ด้วย เพราะเมื่อโยคลัคนาในราศีธาตุลมมักมีประสบการณ์พิเศษ ดังที่เราได้ยินแม้แต่ผีก็ยังมาร้องทุกข์ แม้เกิดในวันราหู ดาว ๕ ก็เป็นกาลกิณีไม่ได้เพราะเป็นมหาจักร และยังเป็นปทุมเกณฑ์นิรันตรายอีก กาลกิณีชิดซ้าย ทั้งปรกติกาลกิณีในราศีธาตุน้ำก็แสดงผลไม่เต็มที่อยู่แล้ว
 
อ้อ ที่มีเครื่องประหารหัวสุนัข ก็สุนัขนาม (4) ดาว ๔ มหาจักรที่กุมลัคน์ เครื่องประหารหัวพยัคฆ์ก็ดาว ๒ ภพวินาศ เครื่องประหารหัวมังกรก็ดาว ๗ เป็นมหาจักร นี่เป็นลูกเล่นของโหร ไม่ได้มั่ว เห็นว่าดาวท่านแรงมาก ท่านถึงมีเครื่องมือแปลก แบกติดตัวให้คนกลัว เห็นไหมในหนัง เอาไปด้วยทุกที่เลย
 
น่าจะจบแล้วนะ นึกถึงเครื่องประหารแล้วเครียด
 
 
 
เคล็ดโหราศาสตร์
 
1. จรราศี ประกอบด้วยราศีเมษ (ไฟ) ราศีกรกฏ (น้ำ) ราศีตุลย์ (ลม) และราศีมังกร (ดิน) เป็นราศีแม่ธาตุ หรือเรียกว่าราศีทวาร จัดเป็นราศีที่มีกำลังยิ่งกว่าราศีใด ๆ ดาวที่มาสถิตอยู่ในราศีทวารถือเป็นดาวหลักทั้งหมด มีความเข้มแข็งและกำลังมาก อาจจะคิดช้า ทำช้า แต่แน่วแน่และมั่นคง (ช้าในลักษณะปักหลัก) 
 
สถิรราศี ประกอบด้วยราศีพฤษภ สิงห์ พิจิก และกุมภ์ เป็นราศีชั้นที่สอง เป็นราศีที่คงที่ มีความเป็นไปโดยปกติ การเคลื่อนไหวไม่อืดอาด ไม่ล่าช้า เป็นราศีที่มั่นคง แต่ไม่ดื้อรั้นเหมือนราศีทวาร และคำนึงถึงปัจจุบันที่สุด
 
อุภัยราศี ประกอบด้วยราศีเมถุน กันย์ ธนู และ มีน เป็นราศีชั้นที่สาม อาจเรียกว่าอุภัยราศีหรือทวิภาวะราศี ที่มีความลังเล ช้า ไม่ปักหลักเหมือนราศีทวาร มักจะต้องทำอะไรสองครั้งขึ้นไป
 
สรุปว่าราศีทวารเป็นราศีแห่งอดีต ช้า หนักแน่น ราศีชั้นที่สอง ปกติ และราศีชั้นที่สาม คืออนาคต ความลังเล
 
 
2. ปทุมเกณฑ์
 
หากชาตาใด มีดาว ๒ เป็นสิบเอ็ดแก่ลัคนา ดาว ๖ เป็นสามแก่ลัคนา หรือดาว ๕ เป็นสี่แก่ลัคนา จะเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักชอบใจแก่บุคคลทั้งหลาย
 
            อนึ่งจันทร์สิบเอ็ดแท้     แก่ลัคน์
        พฤหัสสี่ทรงศักดิ์              แช่มช้อย
        ศุกร์สามดั่งนี้จัก                เจริญยิ่ง ยศแฮ
        หากว่าชาติต่ำต้อย            ยกให้เสมอพงศ์
 
 
3. ดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดวงมาลัยโยค คือดวงชาตาที่มีกลุ่มดาวเรียงรายติดต่อกันไปมากกว่า 6 ราศีขึ้นไป โดยมีลัคนาอยู่ในกลุ่มดาวนั้นด้วย จะพรั่งพร้อมด้วยวาสนาบารมี มีบริวารมากมาย ในโหราศาสตร์อินเดียยกย่องเท่ากับผู้ที่เกิดวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แต่ถ้าเป็นดวงขับพล คุมพล หรือนำพล จะต้องมีดาวเรียงกันถึง 7 ราศีรวมลัคนา
 
         เจ็ดราศีมีดาว         รายระยับ
     ลัคน์เกาะหลังเรียกขับ พลหาญ
     เกาะกลางเรียกคุมทัพ  เข้าต่อ ทำการ
     เกาะหน้านำทหาร       โห่ร้อง ชิงชัย
 
ดวงขับพล คุมพล นำพล และดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวทั้งสี่ดวงนี้ นับเป็นดวงชาตาดีชั้นเอก ถึงจะมีดาวเรือนอริ วินาศ ก็ยกเว้นทั้งหมด
 
 
4. สุนัขนาม
ตามคัมภีร์ทักษานั้นได้จัดนามต่างๆ ตามหลักทักษาไว้ดังนี้
ดาวอาทิตย์ เป็น ครุฑนาม
ดาวจันทร์ เป็น พยัคฆนาม
ดาวอังคาร เป็น สิงหนาม
ดาวพุธ เป็น สุนัขนาม
ดาวเสาร์ เป็น นาคนาม
ดาวพฤหัส เป็น มุสิกนาม (หนู)
ดาวราหู เป็น คชนาม (ช้าง)
ดาวศุกร์ เป็น อัชนาม (แพะ)