คำคม..ข้อคิด

 

คำคม..ข้อคิด ๒๗
26 มิ.ย. 2561

 

เราลืมนิทานเรื่องนี้หรือยัง สองคนเป็นเพื่อนรักกัน คนหนึ่งทำแต่บุญมีแต่คนรัก คนหนึ่งชอบแต่บาปไม่เคยแม้แต่ไปวัดฟังธรรม ตายไป ให้รักกันยังไงก็แยกกันไป คนดีไปเป็นเทวดา คนชั่วไปเกิดเป็นหนอนในส้วม เทวดาเห็นเพื่อนลำบาก อยากช่วยเพื่อน เลยเหาะลงมา เล่าเรื่องบุญของตนเองสมัยเป็นมนุษย์เผื่อว่าเพื่อนจะนึกอนุโมทนา จะได้บุญซักนิดพอไปสวรรค์ได้ เจ้าหนอนในส้วม ฟังอยู่ไม่นานก็หาวหวอด พูดว่า "เพื่อนเอ๋ย เป็นใครมาฉันก็จำไม่ได้ มาพูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ ฉันก็อยู่สบายดี นั่งๆนอนๆ ถึงเวลา ก็มีคนอาหารมาให้ถึงในส้วม ส่วนเกลอก็แสนลำบากเที่ยวร่อนไปร่อนมา พูดพล่ามอะไรก็ไม่รู้ ไปเสียเถิด ฉันสบายแล้ว สบายยิ่งกว่าท่านเสียอีก"
จบข่าว
 
เอ้อ... เราเป็นใครเนี่ย ตอนนี้
 
ติงไว้นิด คนไม่มีครู ไม่มีอาจารย์ ไม่อยู่ในมงคล 38 ไม่เคารพ ไม่ไหว้ครู คนนั้นขาดมงคลในชีวิต คนไม่มีครู ครู ก็ไม่สอนไม่นำ ไม่ให้วิชา ไม่ชี้นำให้เกิดปัญญา ก็จะกลาย เป็นคนกำพร้าหาวิชาความรู้ไม่ได้ ไม่รู้จักคำว่าไหว้ มีมือไว้ก่อกรรม หรือคว้าแต่ประโยชน์ส่วนตน กราบไม่เป็น คือ ขาดความอ่อนน้อม เย่อหยิ่ง ยกตนข่มท่าน คือพาล ทีต้องหลีกเลี่ยงเพราะเป็นพิษเป็นภัยในสังคม ใครที่ไม่รักครู ไม่ไหว้ครู ในชีวิตที่ผ่านมา คงขาดครูชี้นำปัญญา หรือฟังครูไม่รู้เรื่อง จึงเป็นดุจดัง หนอนในส้วม ที่มองไม่เห็นทางใดๆ นี่สอนลูกศิษย์ของอาจารย์เท่านั้น ผู้อื่นมาอ่าน ถือว่า คนแก่ที่ได้ขึ้นชื่อว่า ครูอาจารย์บ่น ถ้าจะคุยกันในเพจนี้ ขออย่าด่า อย่าพลาดพิงใคร จ้ะ
 
 
เคยได้ยินคำคนโบราณว่า หน้าตาคนเราเปลี่ยนแปลงเจ็ดครั้ง เป็นความละเอียดมาก เพราะเรามองตัวเอง เห็นตัวเอง จากทารกสู่วัยเด็กน้อย หนึ่ง เด็กน้อยเป็นเด็ก สอง เด็กสู่วัยรุ่น สาม สู่วัยรุ่นหนุ่มสาว สี่ วัยหนุ่มสาว ห้า วัยหนุ่มสาวใหญ่ หก และวัยกลางคนจนแก่ เป็นเจ็ด อยู่ตัวแล้ว
 
เป็นความแยบยลที่จะให้รู้จักพิจารณาสังขาร ความเปลี่ยนแปลง เพราะแต่ละวัยไม่ได้เปลี่ยนเพียงกาย แต่เปลี่ยนทั้งวิธีคิดและคำพูดด้วย ปริมาณความทุกข์ความสุขก็เปลี่ยน
 
เมื่อย้อนกลับไปดู ทุกข์ของเด็กๆ กับผู้ใหญ่ช่างแตกต่าง ผู้ใหญ่กับคนแก่ วัยก็แตกต่าง แปลว่า ไม่เที่ยง ทุกคนมีวงจรเดียวกัน เรียก วัฏฏจักร รู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้แล้ว เรียกว่า สัจจธรรม รู้ว่ามันต้องเป็น เรียกว่า เท่าทัน รู้เท่าทันแล้วป้องกันไม่ให้ใช้อารมณ์มากไป เรียก สายกลาง คิดได้แล้วเรียกว่า สัมมาทิฐิ
 
เมื่อจัดความเห็นถูกทางแล้ว คิดชอบ วาจาชอบ เพียรชอบ ทำชอบ อยู่ในสถานะหรืออาชีพชอบ สติเกิด สมาธิก็ตั้งมั่น ปัญญาก็ตามมา เห็นอะไร ก็ทะลุปรุโปร่ง ปัญหาใดก็แก้ได้ เมื่อคิดเป็นนะคะ
 
 
ความสุขที่อยู้ใกล้ตัว เหลียวหาเมื่อไหร่ก็ได้เจอ ไม่จำเป็นต้องเหมือน ไม่จำเป็นต้องได้ดังใจ ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ไม่จำเป็นต้องมีคำว่าน้อยใจระหว่างกัน เพราะต่างตระหนักในคุณค่าที่ต่างคนต่างมี
 
ทำให้ทุกคนมีความสุข และต้องมีความสุขได้เมื่ออยู่คนเดียว
 
ฟังทุกคนพูด รู้เรื่องของเขา อย่าเอาแต่ตัวเอง รู้แต่เรื่องของตัวเอง
 
มองคนอื่นด้วยความเข้าใจเสมอ แต่ต้องคอยจับผิดตัวเอง เพื่อแก้ไขให้ดีที่สุด
 
เห็นค่าของคนอื่นเช่นเดียวกับเห็นค่าของตัวเอง
 
เป็นคนดีที่ออกจากใจ ไม่ใช่ต่อหน้าใครสักคนที่เราอยากให้เห็น หรือ กลัวเกรง
 
ลูกของเรา ไม่ใช่ของเรา และก็มีความสุขที่เห็นเขามีความสุขกับความเป็นตัวของเขาเอง 
 
คิดให้ได้ เมื่อเราได้อะไรมา เราก็ต้องให้อะไรแก่คนอื่นเป็น พูดง่ายๆ อย่าเอาแต่ได้ เอาแต่ตนเอง จนละเลยความสุขของคนอื่น แล้วเราจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด คือความผ่องใสที่ออกจากภายในพร้อมๆกับคนที่อยู่ใกล้ตัวเราค่ะ
 
 
สิ้นสุดวัน สิ้นสุดสัปดาห์ สิ้นสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ถึงเราจะหนักจะเหนื่อยแค่ไหน ยังมีคนที่หนักและเหนื่อยกว่าเราเสมอ จงถามตัวเองเสมอว่า ดีที่สุดหรือยังสำหรับวันนี้ ถึงที่สุดหรือยังของการกระทำทุกอย่างเพื่อให้ดีที่สุดแล้วหรือไม่ เราเหนื่อยกว่า หรือมีคนที่เหนื่อยกว่า ลำบากกว่า ถ้ายังมีคนที่ยิ่งกว่าเราอยู่ แสดงว่าเรายังทนได้ และยังไม่ควรท้อแท้ว่า ทำไมความสำเร็จยังไม่ถึงเท่าที่เราต้องการเสียที ถึงอย่างไร จะเหนื่อยแค่ไหน ให้ระลึกเสมอว่าดีที่สุดแล้ว และเมื่อหลับให้เต็มตาหนึ่งตื่นก็หายเหนื่อยแล้ว และวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่านี้เรื่อยๆไป 
 
ขอให้ลูกและศิษย์ ยามเหน็ดเหนื่อยจงระลึกถึงคนที่ "ยิ่ง"กว่าเรา จิตจะคลายจากความหมอง กลายเป็นความเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข  และหลับอย่างเป็นสุข ไปที่ใดปราศจากอุปัทภัยอันตราย
 
วันอาสาฬหบูชานี้ คือวันปฏิบัติบูชา ละเลิกสิ่งที่ทำให้จิตหมอง ประคองให้จิตแจ่มใสตลอดกาล เพื่อพละที่จะทำทุกอย่างให้สำเร็จตลอดไปค่ะ...
 
 
วันใหม่อีกแล้ว ผ่านไปแต่ละวัน ที่เรารู้อยู่ว่า จะมีคนอยู่ใกล้ๆที่พร้อมจะเดินข้างเราเสมอ จงรักษาน้ำใจคนข้างตัว ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามความทุกข์ความสุขของเขา อย่านึกถึงแต่ตัวเอง มิตรภาพเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ให้ยาวนานที่สุด ทั้งต้องสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมๆกับรักษาที่มีอยู่แล้วด้วย เราไม่อาจพบกับความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ถ้าเราไม่มีคำว่า "เพื่อน" ขอให้ลูกและศิษย์ถนอมน้ำใจ เพื่อน มิตร สหาย ของเราไว้ บางครั้งถอยเพียงหนึ่งก้าว อาจหมายถึงการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วยมือมิตร ของเรานี่เอง รับข่าวดีกันนะคะ วันนี้
 
 
ปราชญ์จีนกล่าวว่า"ที่ใดมีสิ่งมีพิษ ภายในระยะเจ็ดก้าวจะมียาแก้" เช่น เมื่อโดนแมงกะพรุนไฟ ใช้ผักบุ้งทะเลเป็นยาผสม แผลจะหายเร็วไม่ปวดแสบปวดร้อน
 
คือความหมายว่าสรรพสิ่งมีธรรมชาติที่จะปรับความสมดุลในตัวมันเอง ถ้าเราสามารถจะมองหาได้ ในการดำรงชีวิต หมายความว่า เราต้องไม่มีคำว่า"เปรียบเทียบ" และ "เลียนแบบ" ใช้ความสังเกตมองหาจุดสมดุลนั้น เพื่อแก้ปัญหาให้ตัวเราเอง เช่นเด็กมีปัญหา เพราะพ่อเข้มงวด แม่ก็ต้องมีเหตุผลอธิบาย เรื่องการเรียน วิชานี้ต้องใช้เวลา ก็ต้องมีวิชาเลือกที่ผ่อนคลาย คนขี้โกรธ ต้องอยู่กับวินัย บ้านต้องโล่งโปร่ง เพื่อไม่หงุดหงิดขวางตา ท่ามกลางของแพงก็มีของถูก กำลังเงินซื้อของแพงไม่ได้ ก็มีของถูกดูดีให้เลือก คือ พอเพียงกับตัวเราไม่ให้เดือดร้อนกระวนกระวาย เป็นการดับพิษแห่งความอยาก ความกระหาย ตัดความโลภ
 
การดำรงชีวิตที่มีหนทางแก้แม้แต่เรื่องเล็กน้อยใกล้ตัว ก็ไม่ต้องเผชิญปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ได้ในอนาคต เมื่อพิษแห่งความอยากไม่มี ใจก็สงบ แจ่มใสได้ตลอดกาล 
 
เอาเป็นว่า จัดบ้าน บริหารสิ่งที่ใกล้ตัวให้สบายใจกันก่อนนะคะ