บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๗/๒ - ความหวังของบังทอง
13 ส.ค. 2561

 

บังทองเดินโซเซ เสื้อผ้ายับยู่ยี่เข้ามา แสดงอาการยังมึนเมาอยู่ เตียวหุยก็ตวาดว่า พี่ใหญ่คิดว่าท่านเป็นคนดี ส่งมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ เหตุไฉนท่านจึงปล่อยปละละเลยหน้าที่ จนเกิดเสียหายแก่ราชการเช่นนี้ บังทองก็อ้อแอ้ว่า ข้าพเจ้าทําให้เสียราชการในข้อไหน เตียวหุยจึงว่า ท่านมาประจําตําแหน่งราชการอยู่ถึงร้อยวันแล้ว มิได้ออกว่าราชการเลยสักวันเดียว อย่างนี้ไม่เรียกว่าเสียหายได้อย่างไร

 

บังทองหัวเราะขบขัน ตอบว่า เมืองขี้ปะติ๋วพรรณนี้ ไม่เห็นมีงานอะไรเป็นล่ําเป็นสัน ทําประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ท่านขุนพลนั่งดูสักครูเถิด ข้าพเจ้าจะทําให้ดูว่า แล้วบังทองก็เรียกเสมียนให้เอางานที่คั่งค้างมาเสนอ พลางสั่งการเสร็จสิ้นไปต่อหน้าเตียวหุยเดี๋ยวนั้น แล้วให้เอาอรรถคดีของประชาชนทั้งหมดมาเสนอ และให้เรียกตัวคู่ความมาฟังผล  บังทองถือพู่กันจดคําโจทก์-จําเลย แล้วตัดสินตามตัวบทกฎหมายโดยไม่ผิดพลาดเลย เป็นที่พอใจของผู้ฟังทั้งปวงทั่วหน้ากัน เพียงครึ่งวัน งานการที่คั่งค้างในระหว่างร้อยกว่าวันหมดสิ้นเลย

 

บังทองวางพู่กันแล้วถามเตียวหุยว่า ซึ่งท่านว่าเสียราชการนั้น มีอะไรเสียบ้าง อย่าว่างานเพียงเท่านี้เลย แม้แต่งานโจโฉและซุนกวนก็ไม่เห็นจะมีอะไรหนักแรงสําหรับข้าพเจ้าสักนิด ขอให้ท่านพิเคราะห์ดูเถิด ว่างานในเมืองลอยเอี๋ยงจะคนามือข้าพเจ้าหรือก็หาไม่

 

เตียวหุยเคยอยู่กับขงเบ้งมาแล้ว มองกิริยาออก มีความรู้สึกว่า บังทอง ไม่ใช้คนธรรมดา เป็นคนที่มีความสามารถอย่างยิ่ง จึงลุกออกจากที่นั่งเข้าไปทําความเคารพ แล้วบอกว่า ท่านนี้เป็นคนวิเศษโดยแท้ ข้าพเจ้าขอประทานโทษที่ได้ล่วงเกินท่าน  ข้าพเจ้าจะนําความไปรายงานให้พี่ใหญ่ของข้าพเจ้าทราบ เพื่อให้รู้คุณค่าความสามารถของท่าน

 

บังทอง จึงค่อยหยิบจดหมายแนะนําตัวที่โลซกมีมาถึงเล่าปี่ให้เตียวหุยดู เตียวหุยดูแล้วถามว่า ทําไมท่านไม่ส่งจดหมายนี้ให้พี่ใหญ่ตั้งแต่แรก บังทองก็ตอบว่าข้าพเจ้าเห็นโอกาสไม่เหมาะ ดูประหนึ่งจําต้องอาศัยนายหน้าช่วยสรรเสริญ จึงจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ ข้าพเจ้าจึงได้เก็บจดหมายไว้จนบัดนี้

 

คือบังทองประเมินการณ์ผิด คือ บุคลที่ไม่มีบุคลิกที่เป็นที่เตะตาคนอื่น จําเป็นต้องหาคนรับรอง เพราะตนเองไม่ทําให้คนอื่นประทับใจได้เลย ถ้าหากคนไหนที่มีบุคลิกที่ประทับใจแล้ว ไม่จําเป็นต้องหาคนฝาก แต่ว่าเราจะเอาหลักนี้มาใช้ในปัจจุบันไม่ได้แล้ว

 

เตียวหุยหันไปขอบคุณซุนเขียน แล้วบอกว่า ถ้าหากท่านไม่เตือนสติข้าพเจ้าเอาไว้ ป่านนี้ เราคงเสียนักปราชญ์ไปคนหนึ่งโดยความใจเบา แล้วเตียวหุยกับซุนเขียนก็อําลาบังทองกลับเกงจิ๋ว เข้ารายงานให้เล่าปี่ทราบความสามารถทั้งหมดของบังทองที่ประจักษ์แก่สายตามา

 

เล่าปี่สํานึกถึงความผิดพลาดที่ทํากับบังทอง ก็เลยพูดกับเตียวหุยว่า พี่เป็นคนผิดเองที่ทําไม่ดีกับท่านนักปราชญ์ผู้นี้ เตียวหุยจึงเอาจดหมายแนะนําตัวของโลซกยื่นให้ เล่าปี่ดูความในจดหมายนั้นว่า ท่านอาจารย์บังทองไม่ใช่คนธรรมดา มีสติปัญญาความสามารเป็นเลิศ ท่านโปรดอย่าถือเอารูปร่างหน้าตาเป็นข้อรังเกียจ หาไม่ท่านจะเสียคนดีมีวิชาไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าบังทองไปอยู่กับคนอื่น จะเป็นบาปเคราะห์ของเรา เล่าปี่อ่านจดหมายของโลชกแล้ว ยิ่งเสียใจใหญ่ที่ทําผิดต่อบังทอง

 

พอทหารเข้ามารายงานว่าขงเบ้งกลับมาจากชนบท เล่าปี่ออกไปต้อนรับ ขงเบ้งเห็นหน้าเล่าปี่ก็ถามขึ้นก่อนว่า อาจารย์บังทองสบายดีหรือ เล่าปี่ก็ว่า ข้าพเจ้าตั้งให้เป็นเจ้าเมืองลอยเอี๋ยง ปรากฏว่าไม่เอาธุระอะไร กินเหล้าเมายาวันยันค่ํา การงานเสียหายหมด ขงเบ้งหัวเราะแล้วว่า บังทองเป็นคนมีวิชาความรู้ ความสามารถยิ่งกว่าข้าพเจ้าสักสิบเท่า ข้าพเจ้าได้ฝากจดหมายไว้กับบังทองฉบับหนึ่งให้เอามาให้ท่าน ท่านได้รับแล้วหรือยัง เล่าปี่ตอบว่า ได้รับแต่จดหมายของโลซก จดหมายของท่านอาจารย์ บังทองยังไม่ได้นํามาให้

 

ขงเบ้งจึงว่า คนดีมีวิชาอย่างบังทอง ท่านตั้งไปอยู่เมืองเล็กๆ เช่นนั้น เขาก็ต้องกินเหล้าเมาทุกวันเป็นธรรมดา เล่าปี่พูดว่า ที่ท่านพูดนี้เป็นความจริง ข้าพเจ้าให้เตียวหุยไปดู เตียวหุยมาเล่าความสําคัญของบังทองให้ฟัง ข้าพเจ้าจึงรู้ว่า ข้าพเจ้าเกือบเสียคนดีไปคนหนึ่ง ว่าแล้วเล่าปีก็สั่งให้เตียวหุยไปเชิญบังทองเข้ามายังเกงจิ๋วโดยด่วน

 

พอบังทองเข้ามา เล่าปี่ออกไปคอยต้อนรับถึงนอกประตู แล้วขออภัยที่ได้ล่วงเกินไปอย่างผิดๆ บังทองจึงเอาจดหมายของขงเบ้งยื่นให้เล่าปี่ในตอนนั้น ความในจดหมายนั้นว่า ถ้าอาจารย์ฮองซูหรือบังทองมาถึงท่านวันใด จงตั้งไว้ในตําแหน่งสูงทันที เล่าปี่เพิ่งรู้ความก็ยังไม่สายเกินไป แล้วทําเป็นนึกขึ้นได้ว่า อาจารย์สุมาเต็กโชเคยกล่าวไว้ว่า ฮกหลงกับขงเบ้ง สองคนนี้ถ้าได้มาคนใดคนหนึ่ง จะสามารถกู้แผ่นดินได้ บัดนี้ข้าพเจ้าได้ไว้พร้อมกันทั้งสองคน คงจะกู้ราชวงศ์ฮั่นกลับคืนมาได้แน่แท้ แล้วเล่าปี่ก็ตั้งให้บังทองเป็นขุนพลดํารงตําแหน่งเป็นผู้ช่วยของขงเบ้ง มอบหมายหน้าที่ให้ฝึกอบรมวิชาการทหาร ให้ชํานาญในการสงคราม ซึ่งบังทองก็พอใจ