บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๕๐/๒ - เตียวสง
16 ส.ค. 2561

 

วันต่อมา เอียวสิ้วไปเล่าให้โจโฉฟังถึงความฉลาดเฉลียวของเตียวสง รวมทั้งบอกด้วยว่า สิ่งที่โจโฉแต่งนั้น จริงๆ แล้วมาจากตําราโบราณตามที่เตียวสงบอก โจโฉโกรธ มาก ให้ทหารเอาหนังสือนั้นมาฉีกเผาไฟ แล้วบอกว่า ไม่ให้เตียวสงเข้าเฝ้า อ้างว่าเป็นชาวบ้านนอก แต่บอกว่าพรุ่งนี้ให้เตียวสงไปดูการฝึกทหาร ฝึกซ้อมการแปลงเพื่อให้ไปเล่าลือที่เสฉวนบ้าง

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เอียวสิ้วก็พาเตียวสงไปที่สนามฝึกหัดทหาร โจโฉให้ทหารที่มีฝีมือแต่งตัวใส่เสื้อหุ้มเกราะ ขี่ม้าถือง้าวและทวน จัดขบวนซ้ายขวาเข้าซ้อมรบกันอลหม่านเป็นจํานวนถึง ๕ หมื่น แล้วโจโฉก็เรียกเตียวสงเข้ามาใกล้ ถามว่าเสฉวนมีทหารอย่างเราหรือไม่ เตียวสงบอกว่า เรื่องการฝึกหัดทหาร เอาไว้รุกรานผู้อื่น เมืองเสฉวนไม่ทำ โจโฉโกรธมาก บอกว่า ไม่มีใครมีทหารเหมือนเรา บ้านเมืองที่ขัดขืน ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อเรา อุปมาเหมือนหย่อมหญ้า แม้จะตีเมืองไหนก็ได้เมืองนั้น ท่านไม่รู้เหรอ

 

เตียวสงสวนทันทีว่า ซึ่งมหาอุปราชยกกองทัพไปปราบปรามทั้งปวง ไปที่ไหนชนะที่นั้น เขาจึงได้เลืองลือเอิกเกริกทั่วทั้งแผ่นดินว่า ท่านมีวิชาชํานาญศึกนัก ครั้งเมืองปักเอี๋ยงรบกับลิโป้ ครั้งอ้วนเสีย รบกับเตียวสิ้ว  ครั้งเมืองกังตั๋งรบกับจิวยี่ ตําบลฮัวหยงรบกับกวนอู แล้วก็ตัดหนวดถอดเกราะที่ด่านตงก๋วนนั้นก็ครั้งหนึ่ง  เป็นสี่ครั้งด้วยกัน ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าหาใครสู้มิได้

 

โจโฉโกรธจนหนวดกระดิก ทุกครั้งที่เอ่ยมานั้น โจโฉแพ้แทบเอาชีวิตไม่รอดทุก ก็ได้แต่ด่าว่า อ้ายห่าหาชาติไม่ มาเจรจากับกูนี้หาความยําเกรงมิได้ ก็เลยให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสีย แต่เอียวสิ้วห้ามไว้ว่าเตียวสงเป็นแขกเมือง ขืนฆ่าจะระบือไปทั่ว ต่อไปใครจะมาคํานับท่านในภายหน้า ก็จะมีความรังเกียจอยู่ โจโฉก็เห็นด้วยแต่ก็ไม่หายแค้น สั่งทหารให้เอาตะบองไล่หวดเตียวสงวิ่งหนีเตลิดไป

 

เตียวสงหนีตะบองจากทหารโจโฉมาได้ ก็คิดในใจว่า ถ้าเรากลับเข้าเสฉวนตอนนี้ไม่ได้เรื่องราวอะไร เดี๋ยวโดนด่า ไม่กล้าเข้าหน้าเล่าเจี้ยง ก็คิดในใจว่าเราควรไปหาเล่าปี่ก่อน ที่รับอาสามาเจรจาอย่างน้อยก็ไม่เสียเที่ยว

 

ตอนนั้น ขงเบ้งที่ปรึกษาของเล่าปี่ทราบเรื่องราวของเตียวสงทั้งหมด การข่าวของขงเบ้งดีมาก ทราบแน่นอนว่าเตียวสงมุ่งหน้ามาทางนี้ ก็รู้จุดประสงค์ทันที จึงจัดเตรียมการต้อนรับอย่างเอิกเกริก โดยให้จูล่งทหารเสือชั้นยอด คุมทหาร ๕๐๐ คนมารับหน้าเมือง เป็นการให้ความสําคัญตั้งแต่วันแรก ตอนนั้นเตียวสงไปฮูโต๋ ๓ วันไม่ได้พบโจโฉ เตียวสงต้องการคนเอาใจ ต้องการการยกย่องเพราะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน

 

ขงเบ้งเห็นผลประโยชน์ในการเป็นมิตรกับเสฉวน ก็ให้จูล่งทหารเสือคุมทหาร ๕๐๐ มารับหน้าเมือง จัดสุราอาหารมาเลี้ยงดูเป็นที่ประทับใจของเตียวสงมาก พอเสร็จแล้วก็เชิญไปที่จวนที่ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ต้อนรับอย่างดี กวนอูน้องร่วมสาบานของเล่าปี่ คุมทหารร้อยหนึ่งมาประโคมฆ้องกลองคอยต้อนรับ แล้วให้นอนให้สบายเสียก่อนค่อยพูดกัน

 

พอรุ่งเช้าก็พาเตียวสงเข้าไปในเมือง ประมาณ๕๐ เส้น ก็พบเล่าปี่และขงเบ้งคุมทหารมารอรับอยู่ด้วยตนเอง เตียวสงมีความประทับใจมากที่สุดเลย แถมขงเบ้งเจรจาด้วยถ้อยคําหวานหู ว่าแต่ก่อนได้ยินเขาสรรเสริญท่านอยู่ว่ามีสติปัญญามาก ครั้นจะไปสนทนาด้วย เสฉวนก็เป็นหนทางกันดาร บัดนี้พวกเรามีบุญหนักหนาเหมือนท่านเอาน้ํามาให้เราดื่มให้คลายกระหาย ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็พาทูตที่รูปทรามเข้าไปในเมือง จัดที่อย่างดีให้นั่ง จัดแต่งโต๊ะเลี้ยงดูอีก เป็นการต้อนรับที่โอ่อ่าและให้เกียรติเกินคาดคิดอย่างมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับที่โจโฉต้อนรับอย่างกับฟ้ากับดิน

 

การสนทนาในวันนั้น เล่าปี่เองก็แกล้งไม่ถามถึงความตั้งใจของเตียวสงในการเยือนเมืองเกงจิ๋ว พูดแต่เรื่องอื่น ยอกันไปก็ยอกันมา เตียวสงพักอยู่ ๓ วันก็ไม่ได้เจรจาความเมืองกันเลย ในที่สุดเตียวสงก็ตกหลุมในความอ่อนน้อมถ่อมตนของเล่าปี่ ถึงกับควักเอาแผ่นที่เสฉวนให้

 

เปรียบเทียบถึงคนที่มีลักษณะแบบนี้ ต้องการที่จะต้อนรับแบบไหน โจโฉจริงๆ ก็เป็นคนมองกาลไกล ดาว ๑ ๔ ๖ มองคนเป็น แต่พลาดไปนิด ตรงที่ความหลงต่อลักษณะภายนอก โจโฉจะเลือกแต่คนที่มีลักษณะดี เห็นภาพภายนอกแล้วดูดี แล้วจึงจะมองลึกไปถึงภายใน แต่ขงเบ้งมองลึกลงไปอีกว่า คนที่เข้ามาหานั้น เขามีอะไร อย่างเตียวสง ถ้ามาแปลดาวในดวง คือดาวเกตุเล็งอยู่กลางฟ้าหรือกุม มีความผิดปกติในร่างกาย อันนี้ทั้งคนสูงและคนเตี้ย แต่ลักษณะที่ได้เป็นนักการฑูต มีความฉลาดอยู่ คือ ดาวเกตุกับดาวมฤตยูอยู่ร่วมลัคนา ทําให้มีความผิดปกติทั้งด้านจิตใจและลักษณะร่างกายด้วย ความคิดอ่านเหมือนถูกกดมาโดยตลอด การพูดแดกดัน คือดาวพุธกับดาวราหูร่วมกัน แล้วดาวพุธเล็งกับดาวเนปจูน แต่ถ้าแดกดันเหน็บแหนมแบบมีสติปัญญาหน่อย คือดาว ๔ กับดาว ๓