บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๗/๒ - แฮหัวตุ้น
4 ก.พ. 2562

 

ในศึกพกบ๋อง เล่าปี่ปรึกษากับขงเบ้งว่าจะรับมือกับผู้รุกรานอย่างไรดี ขงเบ้งบอกว่ากองทัพที่ยกมา พอจะคิดอ่านเอาชัยได้ แต่ว่ากวนอู เตียวหุย น้องของท่านทั้งสองยังคงไม่นับถือข้าพเจ้า ถ้าจะให้ข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพ ก็ขอให้มอบกระบี่และตราอาญาสิทธิ์ ให้บังคับบัญชาทหารทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด  เล่าปี่ก็มอบให้ตามคําขอ แล้วสําทับว่า บรรดาทหารทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งหลาย ให้อยู่ในความปกครองของขงเบ้งทั้งสิ้น ผู้ใดขัดขืนไม่เชื่อฟังคําสั่ง ให้ตัดศีรษะได้ทันที

 

ขงเบ้งจึงแจ้งแผนการรบให้ทราบว่า ที่ทุ่งพกบ๋อง มีเขาอีสันอยู่ทางขวา ป่าอันหลิมอยู่ข้างซ้าย ชัยภูมิชอบกล ชอบกลที่ว่าคือ ที่ใดมีหยินหยางสมบูรณ์ ฝ่ายตรงกันข้ามมักจะได้เปรียบเสมอ ในเขตของทุ่งพกบ๋องเป็นเขตของแฮหัวตุ้น ดินแดนฝ่ายเหนือของโจโฉ กินอาณาเขตถึงเกงจิ๋ว บริเวณตรงนี้จะอยู่ระหว่างซินเอี๋ยกับทางฝ่ายเหนือ  เพราะทําเล ทางฝ่ายเล่าปี่ต้องมีเปรียบกว่า

 

ขงเบ้งให้จูล่งยกทหารไปเป็นกองหน้า กวนอูนําทหารพันคนไปซุ่มอยู่ตรงเขาอีสัน เตียวหุยนําทหารพันคนไปซุ่มอยู่ที่ป่าอันหลิม ให้กวนเป๋งลูกเลี้ยงกวนอู เล่าฮองลูกเลี้ยงเล่าปี่ คุมทหาร ๕๐๐ คนมีคบเพลิงครบมือ ไปซุ่มอยู่ชายทุ่งพกบ๋อง แล้วกําหนดหน้าที่ของทุกกองตามแผนที่ได้วางไว้ พร้อมกําชับว่า อย่าให้ผู้ใดละเมิดคําสั่งนี้ จงทําตามคําสั่งทุกประการ แล้วให้เล่าปี่ยกทหารตามไปกองหนุนของจูล่ง คือทําเลมันสมบูรณ์ คนก็จะต้องประจําเข้าจุดทุกจุดก่อน เพราะว่าถ้าหากไปประจําทีหลัง ฝ่ายตรงข้ามอาจจะประจําขึ้นมาก่อน เพราะเป็นฝ่ายทําเลของทางโน่น เขาอาจจะไปชิงชัยภูมิไว้ก่อน

 

กวนอูเกิดความหมั่นไส้ขงเบ้ง ก็ถามว่า ท่านให้ใครต่อใครไปรบ แล้วตัวเองอยู่ที่ไหน  ขงเบ้งตอบว่าเราอยู่รักษาเมือง เตียวหุยตบมือหัวเราะเยาะแล้วว่า ที่ท่านว่ากล่าวครั้งนี้ เห็นว่ามีสติปัญญา จริงก็คือ คิดเอาสบายแต่ตัว อยู่รักษาเมือง แต่งโต๊ะกินเลี้ยงให้สบายตัวก็แล้วกัน ขงเบ้งก็ไม่โกรธตอบในคําประชดประชัน แต่ยืนยันว่าเล่าปี่ให้กระบี๋อาญาสิทธิอยู่กับมือเรา ใครจะลองขัดคําสั่งดูก็ได้ กวนอู เตียวหุย ก็ต้องเงียบเสียง เกรงใจพี่ใหญ่

 

แฮหัวตุ้นตอนนั้นจัดแจงยกพลมาอย่างรวดเร็ว มาถึงทุ่งพกบ๋องตอนพลบค่ํา มองไปข้างหน้าเห็นผงคลีฝุ่นตลบเป็นควัน ก็ให้ทหารสงบเงียบไว้ ตัวเองก็ชักม้าขึ้นไปดู เห็นจูล่งคุมทหารกองหน้ามาแต่น้อยก็หัวเราะแล้วว่า ขงเบ้งแต่งทหารยกกองทัพหน้ามาดั่งหนึ่งทารก หาปัญญามิได้ ประดุจไล่ฝูงเนื้อเข้าปากเสือ แฮหัวตุ้นมีความรู้สึกว่าต้องได้ชัยชนะแน่นอน

 

จูล่งขับม้าขึ้นมาข้างหน้า แฮหัวตุ้นส่งเสียงด่าไปก่อนว่า มึงนี่โง่เขลาเบาปัญญา ไปเป็นทหารเล่าปี่ ดั่งหนึ่งผีท้องเลวเที่ยววิ่งตามกินเครื่องเซ่น จูล่งไม่ตอบ ชักม้าเข้าปะอาวุธทันที รบได้เพียง ๕ เพลงก็แกล้งทําเป็นถอยหนี แฮหัวตุ้นประมาท มิได้สงสัย ไล่ตามไปประมาณ ๕๐๐ เส้น นายทหารรองก็ขับมาตามมา ท้วงว่า จูล่งคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งมาก สู้กับท่านยังไม่ทันเหนื่อยเลย ทําเป็นถอยหนี เห็นท่าจะไม่ดี ขอให้ท่านจงยับยั้งก่อนอย่าเพิ่งตามไป เดี๋ยวจะถูกกลอุบาย

 

แฮหัวตุ้นทนงว่า ถึงจะซุ่มทหารไว้ ๑๐ ตําบลเราก็ไม่กลัว ว่าแล้วก็ตามจูล่งไปอีกประมาณ ๕๐ เส้น เล่าปี่ซึ่งเป็นกองหนุนจูล่งก็จุดประทัดส่งสัญญาณ ทหารกองอื่นที่ซุ่มอยู่รอบทุ่งทั้งหมดพากันถอยต่อไปอีก แฮหัวตุ้นยิ่งกําเริบใหญ่กล่าวว่า วันนี้เราจะ เหยียบซินเอี๋ยให้ได้ ไม่อย่างงั้นจะไม่ขอกลับไปให้มหาอุปราชเห็นหน้าอีกเลย

 

อีกิ๋มกับลิเตียนคุมเสบียงอาหารตามแฮหัวตุ้นมา มองเห็นเหตุการณ์ชักไม่ชอบมาพากล จึงให้ลิเตียนคุมเสบียงหยุดคอยก่อน อีกิ๋มขับม้าจนไปทันแฮหัวตุ้นแล้วร้องห้ามว่า เราไล่ข้าศึกมาจนมืดค่ํามาถึงยามเศษแล้ว หนทางก็เดินยาก ข้างหน้าก็เป็นภูเขาอีกข้างหนึ่งก็แคบเป็นป่าแขม ถ้าข้าศึกมาจุดเพลิงขึ้นเราจะเสียที ขอให้หยุดเสียก่อนดีกว่า

 

แฮหัวตุ้นได้สติ สั่งให้ทหารหยุดทันที แต่ว่าช้าไปเสียแล้ว ข้าศึกที่ซุ่มอยู่ก็จุดไฟขึ้นทั้ง ๔ ด้านพร้อมกัน แถมลมพายุก็พัดขึ้นมาอีก เพลิงลุกโชติช่วงสว่างไสวไปทั่วบริเวณ  กวนอูคุมทหารโอบหลัง จูล่งก็หันตีกระทบเข้ามา ทหารของแฮหัวตุ้นตกใจวิ่งแตกตื่น เหยียบกันตาย ถูกล้อมหมดทุกด้าน บ้างหนีไฟไม่ทันถูกคอกตายเป็นอันมาก แฮหัวตุ้น  อีกิ๋มและลิเตียนทิ้งทหารขับม้าฝ่าเพลิงหนีไป ทหารรองอีก ๒ คนที่อยู่ในกองหน้ารีบเข้ามาช่วยป้องกันรักษาเสบียง ก็ถูกเตียวหุยแทงตายไปคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งขับม้าหนีรอดไปได้ ทหารเล่าปี่ลุยฆ่าฟันทหารของแฮหัวตุ้นตายเกลื่อนทุ่ง โลหิตไหลแดงไปทั้งป่า ศพเต็มไปหมด

 

รุ่งเช้า แฮหัวตุ้นยกทหารที่เหลือกลับไปนครฮูโต๋ เมื่อถึงเมืองก็มัดมือตัวเองเข้าไปคํานับโจโฉ แล้วสารภาพว่า บัดนี้โทษของข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต ด้วยข้าพเจ้ามีความประมาทไม่รู้เท่ากลอุบายของขงเบ้ง จึงเสียทหารล้มตายไปเป็นอันมาก เมื่อข้าพเจ้าก่อนจะไปนั้นได้สัญญาว่า ถ้าไม่ได้ตัวเล่าปี่หรือขงเบ้งมา ก็ให้ตัดศีรษะของข้าพเจ้าเสีย ซึ่งโทษของข้าพเจ้าที่ผิดครั้งนี้ ก็แล้วแต่ท่านจะลงโทษ

 

โจโฉเห็นแฮหัวตุ้นสํานึกในความผิดของตน แล้วกลับมายินยอมรับโทษแต่โดยดี ก็เกิดความเมตตาสงสาร จึงให้แก้มัดเสียแล้วบอกว่า ที่ไปทําสงครามครั้งนี้เสียทีแก่ข้าศึกมา โทษนี้ถึงตาย แต่ความชอบในสงครามครั้งก่อนๆ ยังมีเป็นอันมาก จะยกโทษให้ครั้งหนึ่ง แล้วก็ปลอบขวัญว่า ธรรมดาชาติทหารทําสงคราม ย่อมมีแพ้มีชนะด้วยกันทุกคน แฮหัวตุ้นรอดตายก็ยินดี คํานับแล้วรายงานว่า อิกิ๋มและลิเตียนก็ตักเตือนให้สติอยู่ แต่ข้าพเจ้าดื้อดึงไปเอง เสียทีเพราะประมาท โจโฉจึงปูบําเหน็จรางวัลให้แก่ ๒ คนนั้นตามสมควร

 

แฮหัวตุ้นได้เป็นกําลังสําคัญในการศึกให้โจโฉต่อมาอีกหลายครั้งหลายครา แต่ก็รอดมาได้ทุกทีจนกระทั่งแก่เฒ่า เจ็บป่วยตายไปเองด้วยโรคเจ็บป่วยธรรมดา ภายหลังที่โจโฉได้เสียชีวิตไปได้ไม่นานเท่าไรนัก