ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

การสะเดาะเคราะห์คืออะไร ตอนที่ ๑
5 พ.ย. 2560

 

การสะเดาะเคราะห์นั้นมีมานาน เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อมีใครทักว่ากำลังมีเคราะห์ต้องไปสะเดาะเคราะห์ ทำบุญ ไล่เคราะห์กรรม สะเดาะ แปลว่าแก้ การสะเดาะเคราะห์ที่ทำกันทั่วไปมักจะถูกชักชวนให้ไปนิมนต์พระไปบังสกุลเป็น บังสกุลตาย ซึ่งบางรายเมื่อบังสกุลตายเสร็จแล้วเลยตายไปด้วยเลยก็มี การทำบุญสะเดาะเคราะห์นี้ให้ลองพิจารณาจะเห็นว่าเป็นการทำให้เกิดบุญขึ้นมา แต่หากว่าเป็นการชดใช้หนี้กรรมคงไม่ถึงตรงนั้น เพราะอย่างไรเสียก็หนีไม่พ้น “ทำมาอย่างไรก็ได้อย่างนั้น”

 

อย่างมากที่สุดก็ได้แค่หนักเป็นเบา ซึ่งหมายความว่า ถ้าไม่เคยทำบุญทำกุศลมาเลย แล้วถึงเวลาที่ดวงเราอ่อนจริงๆ กรรมที่เราเคยทำมาในอดีตแต่ครั้งไหนก็ไม่รู้เข้ามาสนอง ตอนนั้นจะมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ก็ไม่ให้ผล ต้องทำมาตั้งแต่ต้น  ที่ชักชวนให้ไปทำบุญกันนั้น ก็หมายถึงหากว่าเคราะห์มันมาก อย่าไปทำอะไรที่ไหนเลย ให้ทำบุญเผื่อว่ากรรมมันจะไล่ไม่ทัน จึงเป็นที่มาของคำว่าสะเดาะเคราะห์แก้กรรม

 

คำว่าเคราะห์ มันเกิดจากกรรมที่เป็นอกุศล และกรรมที่เป็นอกุศลเหล่านี้หนีไม่ได้  สิ่งที่จะบรรเทาได้ก็คือการสร้างกรรมดีนั่นเอง แต่ว่าชดเชยแทนกันไม่ได้ การทำบุญทำให้กำลังใจเรามากขึ้น จิตใจเราก็เยือกเย็นขึ้น เพราะว่าทำบุญได้บุญ ทำดีได้ดี ทำบาปได้บาป ทำชั่วได้ชั่ว มันจะเป็นของคู่กัน เหมือนกับหมามันไล่กัดเรา แต่เราฝึกซ้อมวิ่งไว้อยู่เป็นประจำ คือทำบุญอยู่เรื่อย ๆ  แต่ว่าหมาตัวนี้มันไม่ได้สูญหายไป กรรมตัวนี้เอง มันก็วิ่งไล่เราตลอด แต่ถ้าเราวิ่งเร็วกว่า หมาก็วิ่งไล่กันเราไม่ทัน

 

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้คนมีศีลบริสุทธิ์ และมีไตรสรณคมณ์ครบถ้วน มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ มีแนวทางที่ปฏิบัติ มีนิพพานเป็นอารมณ์ และปฏิบัติจนได้มรรคได้ผล ถึงตอนนี้แม้ว่ากฎแห่งกรรมจะยังตามมาสนองก็ตาม แต่ว่าจะไล่ไม่ทันเพราะว่าบุญนั้นสูงมาก คือถ้าเรายังมีขันธ์ ๕ อยู่ ซึ่งคือร่างกายของเราทั้งหมด เราก็อาจจะเจอกรรมที่เป็นอกุศลเล็กๆ น้อยๆ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ทรงพบมาแล้ว แต่กว่ากรรมหนักก็พอบรรเทาเหมือนมีคนมาช่วยเราอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราเคลื่อนจากโลกนี้ไป เรามีที่ไปที่ดี ไม่ลงอบายภูมิ ไม่เป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ถือว่ากรรมไม่ถึงที่จะลากเราลงไปตรงนั้น

 

ส่วนเคราะห์กรรมกับอุปสรรคนั้นเป็นอันเดียวกันหรือไม่นั้น ก็ขอตอบตามเรื่องสามก๊กว่า ตอนหนึ่งที่ขงเบ้งรบกับสุมาอี้ ขงเบ้งบอกว่า คนเราถ้าทำได้อย่างดีที่สุดตามสติปัญญา ตามกำลังแล้ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะสำเร็จไปได้ เพราะยังมีกรรมอยู่ ฉะนั้นอุปสรรคกับกรรมตัวนี้ก็คืออันเดียวกันนั่นเอง

 

กรรมมันมาได้ทั้งกาย วาจา ใจ เอาง่ายๆ ที่เรามองเห็น อย่างการป่วยไข้ไม่สบาย มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตลอดเวลา จุกจิกรำคาญใจ หรือมีอุบัติเหตุ สาเหตุนั้นมาจากโทษปาณาติบาต สมมุติว่าในตลอดชีวิตของเราเรามีการปล่อยสัตว์มาโดยตลอด มีความเมตตา จิตที่เมตตานั้นมันเป็นกุศล ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่ทำลายคนด้วยวาจา มีเมตตากรุณาอย่างสม่ำเสมอ จิตใจอ่อนโยนลง ก็จะไม่ลากเคราะห์กรรมมาเร็ว ถึงเวลาหากว่าเราเคยทำอะไรมาหนักๆ ต้องเจ็บป่วย ที่เราเคยทำความดีมาโดยตลอด ก็จะช่วยผ่อนคลายตรงนี้ให้เราหายเร็ว เจ็บป่วยก็ไม่เป็นอะไรมากนัก

 

ในขณะเดียวกัน หากว่าเราไม่เคยทำความดีมาเลย เมื่อเจ็บป่วยก็มานึกได้ว่าต้องไปสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมันไม่ทันแล้ว เพียงแต่ว่าบุญที่ทำในขณะนั้นก็จะช่วยเรามีความสบายใจขึ้น เราฝึกสมาธิทำให้ระบบเลือด ระบบการหายใจของเราดีขึ้น ทำให้เรามีขวัญกำลังใจที่ดี ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ฉะนั้นการสะเดาะเคราะห์คือการทำให้เกิดเป็นบุญกุศลขึ้นมา ซึ่งเราควรทำมาตั้งแต่ต้น ไม่ต้องสะเดาะเคราะห์กันเป็นเรื่องๆ ไป

 

การสะเดาะเคราะห์นั้น สามารถแยกแยะออกมาได้เช่น การทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์เป็นบุญสูงสุด เพราะว่ากับพระที่อาพาธ การปล่อยนกปล่อยปลาหรือว่าสัตว์ที่มีชีวิตเพราะว่าบุคคลนั้นเคยทำปาณาติบาตมา ก็สร้างบุญกุศลให้ตรงจุด หรือว่าบางคนต้องไปบวชก็หมายถึงว่าตลอดที่ผ่านมา จิตไม่มีกุศล โดยคนที่บอกให้บวชคาดว่าจิตนั้นฟุ้งซ่านหรือจิตไม่สงบ การทำบุญทำกุศลในช่วงนั้นอาจจะไม่ทันเพราะว่าไม่เคยทำมาเลย จึงได้แนะนำว่าให้ไปบวชและปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นบุญอันมหาศาล ไม่ว่าผู้หญิงจะบวชใจหรือบวชชีพราหมณ์ ซึ่งบุญกุศลนี้จะช่วยส่งให้หรือบรรเทาให้

 

บางคนของหายบ่อย ไฟไหม้บ้าน ลมพัดบ้านพัง เกิดของเสียหาย โจรปล้นบ้าน น้ำท่วมทรัพย์สินเสียหาย เป็นผลกรรมของอทินนาทานา คือการทำทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย โกง ขโมย หยิบบ้างโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ เป็นหนี้แล้วไม่ได้ใช้คืน ชาตินี้ทรัพย์สินของเราก็เป็นอันจะต้องเสื่อมไป ใครที่โดนติดๆ กัน หลายคนก็จะบอกว่าให้ไปสะเดาะเคราะห์ จริงๆ แล้วหากว่าเราเป็นคนที่บริจาคทานมาตลอดตั้งแต่ต้น เป็นการเสียสละ มีจาคะ คือคอยให้แบ่งปันสิ่งของอยู่ตลอดเวลา ไม่ตระหนี่ ไม่โลภ สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยในเรื่องของอทินนาทานา

 

การทำสังฆทาน การทำทาน หรือการบริจาคแม้นกระทั่งร่างกายถือเป็นบุญอันสูงสุดทั้งนั้น หากทรัพย์สินเราเสียหายไปด้วยกรรม บุญที่เราทำก็จะส่งผลให้เรามีมาต่อ ไม่ได้หมายความว่าห้ามไม่ให้เกิด ไม่ให้ทรัพย์สินเราเสียหาย มันยังคงเสียหายอยู่ด้วยกรรม แต่ว่าจะมีมาต่อ มีมาชดเชยไม่หมดไปเสียทีเดียว เป็นการทำให้เกิดเป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมา ของเก่าก็ต้องชดใช้ ของใหม่ก็มีมา

 

หรือว่าคนในบังคับบัญชาว่าไม่ได้ ลูกไม่เชื่อฟัง สามีภรรยามีเรื่องทะเลาะกัน ระแวงกัน เป็นผลกรรมของกาเมสุมิจฉา คือมีโทษผิดในกามมาในอดีต หรือแม้กระทั่งปัจจุบันรักชอบกันไม่ให้พ่อแม่รู้ หนีตามกัน ต่อไปลูกก็อาจจะดื้อ หรือว่าในอดีตเราเคยทำมา ไม่อยากจะใช้คำว่าอดีตชาติ เพราะว่าหลายคนอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ จึงใช้คำว่าในอดีตกาลครั้งใดครั้งหนึ่ง เราคงผิดศีลข้อนี้มา เราจึงพบกับความเดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องนี้ การที่จะสะเดาะเคราะห์ ไม่ใช่การที่จะประกอบพิธีเรียกใครต่อใครมา หรือว่าประกอบพิธีให้เกิดเสน่ห์ขึ้นในตัวเรา เพราะว่าเสน่ห์ในตัวเราที่แท้จริงคือความอ่อนหวาน ความอ่อนโยน ความเข้าใจในจิตใจคนอื่น ไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนให้อภัยซึ่งกันและกัน

 

เช่นนี้คือเสน่ห์ที่แท้จริงไม่ใช่เสน่ห์ที่ทำด้วยเวทมนต์คาถา แต่เป็นเสน่ห์ที่ออกมาจากภายใน หากเราเป็นคนที่มีปิยวาจา ใช้เหตุใช้ผล สร้างบุญสร้างกุศลด้วยการให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อภัยทาน ข้อที่เป็นกาเมสุมิจฉานี้จะหมดไปเอง หมายความว่าไม่ใช่ไม่เกิด แต่มันเกิดอาลัยในความดีซึ่งกันและกัน อย่างที่ว่าแพ้ความดี เช่นลูกดื้อมาตลอด แม่ก็พยายามให้ความเข้าใจ พ่อก็พยายามเข้าใจ ไม่ดุด่าให้เจ็บช้ำน้ำใจ ใช้ปิยวาจา วันใดวันหนึ่งเมื่อกุศลเข้าถึงใจ ลูกก็จะรู้สึกว่าแพ้ความดีของพ่อแม่ ดีกับเราเหลือเกินเป็นความอบอุ่นที่หาไม่ได้

 

ส่วนสามีภรรยาก็เหมือนกัน หากเราเคยใช้คำพูดที่จ้วงจาบ พ่นพิษใส่กัน วันใดวันหนึ่งเราไม่พ่นแล้ว เราสงสารเขา ความดีก็ชนะใจกัน ถึงแม้ว่าเรื่องล่วงเลยจะต้องจากกันไป ก็ยังจากกันด้วยดี ยังเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ไม่อาฆาตริษยากัน ถือว่ากรรมหมดไปแล้ว ชาติหน้าคงไม่ต้องเจอเรื่องนี้อีกแล้ว