ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

ดูวาสนาผ่านดวงดาว ตอนที่ ๑
13 ม.ค. 2561

 

วาสนา  คือ สิ่งที่ฝั่งที่อยู่ในจิตใจ เป็นความรู้ที่ได้จากความจำ หรือความประพฤติที่ติดมาจากชาติก่อน หรือที่เรียกว่า “สัญญา” บุญหรือบาปที่ได้อบรมมา จรรยาที่ได้ประพฤติจนชิน กุศลที่ทำให้ได้ลาภยศ สิ่งเหล่านี้ บุคคลต้องทำจนติดอยู่ในความรู้สึกนึกคิด จิตใจฝังในกมลสันดาน (อนุจิต) แม้ว่าร่างกายจะเปลี่ยนชาติเปลี่ยนภพไป จิตเหล่านั้นยังผูกพันกับสิ่งเหล่านี้ เพราะว่าเคยทำอยู่เป็นประจำ เป็นวาสนาของแต่ละคน เพราะสั่งสมมาจากในใจ มันไม่ลืม ข้ามชาติภพหรือเป็นการสั่งสมบุญ
 
ชาติก่อนหรือเมื่ออดีตนานมา ได้เคยกระทำคุณงามความดีอะไรไว้บ้าง จะมากหรือน้อยขนาดไหน ในปัจจุบัน ผลดีที่เคยทำอยู่เป็นประจำก็ส่งผลมาถึงตัว ดังเช่น เราได้ทำกุศล หรือไปทำอะไรให้ประทับใจคน ช่วยเหลืออุปถัมภ์กันไว้ แล้ววันหนึ่งที่กลับมาพบกับเขาเหล่านั้น ก็ต้องกลับมาอุปถัมภ์เกื้อกูลเขา ให้สิ่งดีๆ เท่ากับเป็นการตอบแทน อันนี้มองเห็นได้ ผลบุญที่ทำมาในอดีตก็เช่นกันย่อมตอบสนอง
 
เราสามารถรู้บุญรู้กรรมของบุคคลได้ในดวงชะตา ซึ่งบางคนไม่เข้าใจก็นึกว่าใช้อิทธิฤทธิ์ทางใน แต่มันเป็นหลักวิชาที่สามารถจะตรวจดูได้ว่า คนๆ นี้ทำบุญทำกรรมมาได้อย่างไร หรือว่าเมื่อมีกรรมตัวนี้มา เราจะแก้ไขด้วยบุญตัวไหน ก็ออกมาจากดวงชะตาเช่นกัน
 
คำว่า “กรรม”  คือการกระทำ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเขาเองทั้งสิ้น ปรารถนาดีก็ได้ดี อยากจะสร้างดวงให้มันดีก็ดี อย่าไปสร้างวิบากกรรมเพราะรับกรรมที่ว่านี้ คือ กรรมคำเดียวมันไม่พอ ไม่หนักแน่น พอมีคำว่า “วิบาก” มาร่วมด้วย รู้สึกมันลึกซึ้ง มันคือความละเอียดของการกระทำที่เราทำทุกขั้นตอน ดังเช่น การโยนก้อนหินลงน้ำให้เกิดระรอกคลื่นกระจายออกไปกระทบสิ่งต่างๆ คลื่นจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับวัตถุที่เราใช้โยนลงไปว่ามีขนาดเท่าไร “หากเราหยุดก่อกรรม” ก็คือการหยุดการกระทำนั้นเอง ช่วงนี้ทำอะไรก็ไม่ดี ก็นั่งๆ ไปก่อน รอบๆ ตัวเราเป็นน้ำเน่า พอเราทำอะไรลงไปก็ยังคงเป็นน้ำเน่าเหมือนเดิมเป็นต้น
 
ดวงชะตากำเนิด ใช้บ่งชี้ความมีวาสนาของคนได้ ซึ่งจำแนกพอสังเขปได้ดังนี้
 
ดาวเกษตร อีกนัยหนึ่ง คือ การพิจารณาดาวเคราะห์ที่เป็นเกษตรในพื้นชะตา ซึ่งวิธีนี้ง่ายสุด เพราะถ้ามีดาวเกษตรในดวงก็แสดงว่ามีหลักฐานดี ฉะนั้นในอดีตคงจะเป็นคนที่ให้ทานเป็นประจำ ให้ทานในเรื่องของวิหารทาน หรือบริจาคร่วมกันเพื่อให้ที่ดินแก่วัด หรือบริจาคสิ่งของที่เกี่ยวกับการก่อสร้างวัด เหล่านี้จะส่งผลให้มีดาวเกษตร สร้างหลักฐานให้เราเป็นอันดี คือวิหารทาน
 
ดาวอุจจ์ หรือ มหาอุจจ์ ก็เปรียบได้ว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความโดดเด่น ในอดีตเคยได้ทำทานแก่ผู้คนเป็นอันมาก หรือพิมพ์หนังสือแจกเป็นทาน หรือให้หนังสือแก่เด็กผู้ยากไร้ หรือให้ปัญญาแก่ผู้คน ให้ทุนการศึกษา เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้มีดาวอุจจ์ มหาอุจจ์ เกิดขึ้นในดวง เป็นวาสนาที่ติดตัวมาเป็นผู้มีปัญญาอันโดดเด่น (อุจจ์ คือ มีปัญญา  มหาอุจจ์ คือ มีปัญญาโดดเด่นที่ประจักษ์แก่ตาผู้อื่น)
 
เมื่อวิเคราะห์ในดวงไม่มีทั้งดาวเกษตร ดาวอุจจ์ เราจะต้องเสริมสร้างในแง่นี้ คือ “หนักวิหารทาน และควรจะมีธรรมทานด้วย”  หรือให้หนังสือ ให้ปัญญา ให้การศึกษาแก่เด็ก ส่วนบุคคลที่ไม่มีดาวอุจจ์ ดาวเกษตร แต่ก็ยังสามารถเป็นผู้มีโชควาสนา ต่อสู้ยืนหยัด มั่นคงแข็งแรงด้วยตนเอง แล้วก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังมีอีกมากมาย เพราะว่ามีดาวเคราะห์ที่ชี้ว่ามีโชควาสนาในดวงชะตากำเนิดอื่นๆ อีกเช่น
 
ดาวอาทิตย์ (๑) ในราศีพิจิก
 
ถือว่าเป็นผู้ที่มีโชควาสนาแข็งแกร่ง เป็นผู้มีอำนาจในการบังคับบัญชา การปกครอง และก็สามารถที่จะเป็นผู้บรรลุถึงผลสำเร็จได้ แม้อาจจะต้องเผชิญความลำบากใดๆ ก็ตาม เพราะดาวอาทิตย์ (๑) ที่อยู่ พิจิก คือ (๑) ที่อยู่ในเรือน (๓) เพราะฉะนั้น จะต้องมีกิจกรรมเยอะ ต้องผ่านการต่อสู้ เพราะฉะนั้น กิจกรรมต่างๆ ก็จะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งมั่นคงให้แก่ตัวเอง และก็สร้างบทเรียนให้ตนนั้นเป็นคนมีอำนาจในการบังคับบัญชา การปกครอง ความมุ่งมั่นที่จะประสพผลสำเร็จในชีวิต แต่ความที่อาจจะไม่มีบุญเก่าหนุนนำ ก็จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากหน่อย เช่นการทะเลาะหรือการแก่งแย่งชิงดีในบางส่วน
 
ดาวจันทร์ (๒) ในราศีพฤษภ "ดาวอุจจ์"
 
ถ้าหากเกิดช่วงจันทร์เพ็ญ คือต่ำกว่าแรมหรือขึ้น ๙ ค่ำขึ้นไป ถือว่าจันทร์มีกำลัง คือ อดีตกรรมได้เป็นผู้ที่ทำบุญให้แก่ผู้ยากไร้ และทำบุญสังฆทานไม่ขาด มากน้อยขึ้นอยู่กับแรมค่ำของจันทร์ ถ้าได้จันทร์เพ็ญในพฤษภ อาจเป็นถึงมหาเศรษฐีของโลก ก็คือการทำบุญอย่างมหาศาลในเรื่องของสังฆทาน คือ ทำให้แก่วัดที่ขาดแคลนจริงๆ 
 
ดาวจันทร์ (๒) ในราศีกรกฎ "ดาวเกษตร"
 
ทำบุญวิหารทานมาดี และเป็นผู้ที่มีเกียรติมีชื่อเสียงด้วย เป็นคนที่เคยทำบุญในเรื่องของถวายที่ดิน หรือวิหารทานให้แก่วัดแล้ว ยังเป็นผู้ที่มีคุณธรรมส่วนตัว คือเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะการเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนจะเป็นผู้มีชื่อเสียง ใครก็ตามที่มีนิสัยเย่อหยิ่งอวดตัว ไม่อ่อนน้อมถ่อมตน ยกตนข่มท่านอยู่เสมอ ท่านว่าจะกลายเป็นคนใช้ของเขา ถูกกดขี่ข่มเหงจากผู้คน คนที่มีดาวจันทร์ (๒) เป็นเกษตรเพราะได้เคยทำบุญทางนี้มา เพราะฉะนั้น อย่าได้ไปละลดความอ่อนน้อมถ่อมตน จงสร้างต่อไป ไม่เช่นนั้นเขาถือว่า “กินบุญเก่า” พอหมดแล้วก็หมดกัน 
 
ดาวอังคาร (๓) ในราศีสิงห์
 
ถือว่าเป็นผู้มีโชควาสนา ให้มีอำนาจการบังคับปกครอง คล้ายๆ (๑) ดาวอาทิตย์ในพิจิก แต่ (๓) ในสิงห์จะเพิ่มผนวกความมีกำลังว่องไวและปราดเปรียว จิตใจกล้าหาญมั่นคง มักมีโชคชัย ชนะอุปสรรค ชนะศัตรู มีเกียรติยศ เป็นผู้ร่ำรวย เกิดจากการทำบุญ และการเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว มักเป็นผู้ที่อาสาท่าน คือปฏิบัติอัตถจริยาเป็นนิตย์ คืออาสาเข้าไปช่วยเหลือ กุลีกุจอช่วยไม่หลบหลีกงาน ไม่ว่าจะเป็นที่วัด การลงแขก (แรงกาย) 
 
ดาวพุธ (๔) ในราศีกรกฎ
 
พี่น้องจะได้พึ่งพาอาศัย ทำให้ได้ผลสำเร็จลุล่วง มีปัญญา ฉลาด ทำบุญในเรื่องปิยะวาจา พูดอะไรก็จะมีคนเชื่อถือ มีคารมคมคาย มีปากเด่น เป็นคนที่มีปิยะวาจาให้คนอื่น ถ่องแท้ในธรรม ให้คนเกิดความสบายใจ สามารถแก้ปัญหาให้แก่ตนเองได้ พอเกิดในชาติต่อมาก็จะมีวาสนาในด้านนี้
 
ดาวพุธ (๔) ในราศีมังกร
 
ด้านสติปัญญาค่อนข้างจะลึกซึ้ง วิจารณ์สิ่งใดก็ชัดแจ้ง มองการณ์ไกล เข้าใจอะไรก็ง่าย คำนวณก็เก่ง ไหวพริบปฏิภาณดี อันนี้จะทำบุญเกี่ยวกับหนังสือ ให้การศึกษาแก่ผู้คนในอดีต เช่น อาจจะเป็นสื่อการเรียนต่างๆ แจกหนังสือ สอนหนังสือ