ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

ปฏิจจสมุปบาท กับโหราศาสตร์ (๕) โดย อ.ษณอนงค์ คำแสนหวี (อ.แอน)
24 ม.ค. 2555

 

 

 

     เมื่อเกิดตัณหาเหล่านี้แล้ว  ก็จะเกิดอุปทานซึ่งก็คือ ราศีธนู  ดาวพฤหัส  หากตัณหานั้นใฝ่สูง  อุปทานก็เป็นเรื่องของกุศล  หากตัณหาคือใฝ่ต่ำ  เต็มไปด้วยโลภโมโทสัน  ถือว่าเป็นอุปทานฝ่ายอกุศล  ใครก็ตามมีดาวพฤหัสเด่นในดวง  ไม่มีบาปเคราะห์เบียดเบียน  คนนั้นจิตก็บริสุทธิ์  แสวงหาแต่สิ่งดีงาม  อยากได้ภพชาติอันมีภูมิสูงกว่าที่เป็นอยู่  ก็จะทำบุญให้ทาน  รักษาศีล
 

ในทางกลับกัน  ถ้าหากดาวพฤหัสเสื่อม  ก็จะยึดติดในสิ่งที่เห็นแก่ได้  อาจจะโลภในบุญ  และดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น  เป็นกิเลสของคนดี  อันนี้เรียกว่า  มีอุปทานรุนแรง  คือยึดตัวตนมากจนเกินไป  จนเกิดมานะขึ้นมาว่าตนนั้นทำความดีเหนือคนอื่น  ถ้าในวิชาโหราศาสตร์  พฤหัสเสียจะหมายถึง  “โอษฐภัย”  คือการพูดจาต่าง ๆ  มักจะไปข่มคนอื่น  เพราะฉะนั้นดาวพฤหัสจะเป็นดาวอุปทาน  ดีก็ดีไปเลย  ถ้าเสียก็เลี้ยวออกจากทางธรรม  จึงต้องดูว่าอุปทานที่เราตาม ๆ กันมา  เกิดจากอะไร
 

แต่ถ้าให้ดีตัดตั้งแต่หู  ตา อย่าให้มาถึงอารมณ์  อย่าให้อารมณ์เกิดมากนัก  ดาวพฤหัสตัวนี้จะกลายเป็นอุปทานยึดมั่น  เท่ากับเราฝึกผิดทาง  จากวิชาธรรมกลายเป็นวิชามาร  ต้องระมัดระวังให้ดี  เอาเป็นว่าใครมีกุศลเจตนาหรืออกุศลเจตนาให้ดูดาวพฤหัส  คนที่มีดาวพฤหัสเป็นกาลกิณี  ขอให้นิ่งไว้ก่อน  อย่าเพิ่งตัดสินใจ  เพราะเกิดจากอารมณ์ที่ว่าอุปทานไม่เป็นกุศลกับตัวเราเอง  อุปทานอันนี้สำคัญมาก  อยู่กับชีวิตคนเรา  ถึงได้เกิดมาเป็นตัวเป็นตนนี้
 

เวลาเราจะเปลี่ยนแปลงช่วงวิถีชีวิตให้ดูที่ดาวพฤหัส  เพราะความคิด  ความเปลี่ยนแปลงของความคิดจะอยู่ที่ดาวพฤหัส  เพราะเป็นปัจจัยทำให้เกิดภพ  การยึดมั่น  ถือตัวตนในสิ่งนั้น ๆ  ภพก็คือตัวกรรม  คือชาติที่เราต้องมาใช้กรรม
 

     ดาวพระเคราะห์เสาร์ในราศีมังกร  เมื่อเกิดอุปทานแล้วก็ต้องยึดมั่นในภพนั้น ๆ  ของตนยึดมั่นที่เป็นของตน  ยึดมั่นอยู่ในกลุ่มคนดี  ดาวพฤหัสจึงเป็นเครื่องชี้เจตนาของดาวเสาร์  ดาวเสาร์แม้จะดีเด่นเป็นเกษตรมหาอุจสัมพันธ์ดีกับลัคนา  ถ้าดาวพฤหัสของเรา  ชี้วิถีทางเป็นปัจจัยในสิ่งที่ดีนำมาดีแล้ว  ตัวภพหรือตัวกรรมที่เกิดขึ้นก็จะดีตามเป็นปัจจัยที่หนุนนำ  ที่เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท

 

เพราะฉะนั้นพฤหัสกับเสาร์คู่พระคู่โจรต้องดูกัน  พฤหัสอยู่ในทางที่ดี  เสาร์ของคุณก็ดีกรรมก็ดี  ถ้าใครบอกว่าเสาร์เป็นนิจ  เสาร์ไม่ดีเลย  ถ้าพฤหัสของคุณดี  ถ้าคุณปฏิบัติ  เสาร์ตัวนั้นก็เป็นตัววางได้  เป็นตัวปล่อยวางไม่ยึดติด  ไม่อิจฉาริษยา  ไม่ขี้หึง  ไม่ตึงไม่เครียด  ไม่เป็นกรรมที่ไม่ดี  กลายเป็นผลพวงของพฤหัสที่มีแต่กรรมดี  ถ้าพฤหัสไม่ดี  แต่เสาร์ดี  ฐานก็ไม่แน่น  หมายถึงว่าความอดทนของเราก็มีน้อย  เราอาจเห็นผิดเป็นชอบ  อาจจะไขว้เขวไป  อาจเป็นการยึดตัวตน  อย่างเช่นว่าทำงานหนักเพื่อศาสนา  แต่ก็ดูถูกคนที่เขาไม่ได้ปฏิบัติอย่างตน
 

ถ้าหากเรียนรู้ปฏิจจสมุปบาทและเราไปอ่านในดวงชาตาของคน  สามารถทายถึงอดีตและอนาคตของคน ๆ นั้นได้เลย เมื่อภพเกิดแล้ว  ภพตัวนี้เป็นตัวกัมมะหรือตัวกรรมของโลก  โบราณบอกว่าดูโทษทุกข์ให้ดูดาวเสาร์  มีประธาน  มีภพ  มีกรรม  มีวิถีทาง
 

     จากนั้นก็เข้าสู่ชาติ  กรรมไปสู่ชาติ  คือดาวมฤตยูในราศีกุมภ์  ชาติแปลว่าเกิด  หมายถึงการสืบต่อพืชพันธุ์  มฤตยูคือตัวเกิด  ดาวเกตุเป็นตัวพามาเกิด  เมื่อมีตัณหา  ก็ต้องมีอุปทานมาเกาะเกี่ยว  และมีภพ  การตั้งครอบครัว  และก็มีการเกิด  และมีชาติแตกหน่อขยายสืบพันธุ์  มฤตยูเปรียบเสมือนเม็ดต้อยติ่ง  เป็นการขยายพันธุ์  การเริ่มต้น  การเปลี่ยนแปลง  การดำรงอยู่  จะเกี่ยวพันทั้งหมดในกลุ่มนี้
 

ที่กล่าวมาข้างต้น   อาทิตย์  พุธ  ศุกร์เกี่ยวพันกัน  ถ้าปฏิบัติธรรมต้องไปเริ่มที่อาทิตย์  ตัวนี้พอเป็นโลกขึ้นมาแล้วตัณหาอุปทานและภพชาติจะเกี่ยวกันอีกเหมือนกัน  มาด้วยกันพอเกิดชาติมาแล้ว  คือการค้นคิดแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ  หมายถึงการค้นความการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะหนึ่งสู่สภาวะหนึ่งและเราเข้าใจความหมายในปฏิจจสมุบาท  เราจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งของความเป็นดาวมฤตยู  คนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวมฤตยู  เหมือนคนที่เกิดใหม่มีความคิดแบบยูเรก้า  นักค้นคว้าสำรวจ  นักคิด  นักปรัชญา  แพร่  พืชพันธุ์  ความคิดกระจายขยายอาณาเขตไป  เหมือนที่บอกว่ามฤตยูกับราหูอยู่ด้วยกันก็คืออินเตอร์เน็ต   จะกระจายความคิดที่ปรุงแต่งออกมา  ถ้าหากมฤตยูสัมพันธ์กับ ดาว      ศุภเคราะห์ในแง่มุมที่ดี  การเกิดก็เหมือนกับการทำบุญมาดี  เป็นคุณต่อลัคนา  จะเป็นคนที่มีโชคมีลาภ  ซึ่งก็เกี่ยวพันตั้งแต่ดาวพฤหัส
 

     มาถึงดาวพระเคราะห์เนปจูนในราศีมีน  รับช่วงตำแหน่งสุดท้ายคือ  ชราและมรณะ  อยู่ในภพวินาศของดวงโลกด้วย  เมื่ออุปทานเกิดชาติอย่างมั่นคงแล้ว  สิ่งเหล่านี้ย่อมตั้งมั่นอยู่มิได้  ก็ต้องเสื่อมสลายไปเป็นของธรรมดา  ตามกฎของไตรลักษณ์  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา
 

เนปจูนเป็นสัญลักษณ์ของความเสื่อม  ของความตาย  เป็นเกษตรภพวินาศของราศีเมษ  ราศีเมษเริ่มต้น  มีนก็เป็นตัวจุดจบ  เป็นตัวสรุป   เพราะฉะนั้นเนปจูน  จึงเป็นในลักษณะของการดำรงอยู่ด้วยความเข้าใจ  เกิดและดับ  ถ้าหากดาวเนปจูนดี  คือความเข้าใจในโลก  เข้าถึงความดับตรงนั้น
 

บุคคลที่มีเนปจูนมีอิทธิพลต่อดาวลัคนามักจะเป็นคนที่เข้าถึงมรณานุสติ  แต่ถ้าหากว่าเนปจูนไม่ถึงลัคนา  หรืออยู่ในตำแหน่งเสื่อม  จะเป็นคนที่ชอบสังคม  หรือข้ามหัวคนอื่น  มองข้ามในหลาย ๆ อย่างไป  และก็ลืมตาย  ประมาทกับชีวิต
 

ทางโหราศาสตร์จึงบอกว่าเนปจูนคือความอหังการ  เป็นกิเลสตัณหาอันแรงกล้า  แต่ถ้าหากเนปจูนดี  กลับกลายเป็นเกราะป้องกั้นภัยในการดำรงอยู่ของชีวิต  เพราะความเข้าใจในโลกว่า  มีเกิด มีการผันแปร  และมีเสื่อมลง  ดับลงในที่สุด
 

     นี่คือความเข้าใจในหลักปฏิจจสมุปบาทของดาวพระเคราะห์  ซึ่งสามารถปรับเข้ากับหลักธรรมทางพุทธศาสนาอย่างแนบเนียนที่สุด  และยังเอามาทายชาตาบุคคลได้ถึงอดีต  ปัจจุบัน  อนาคต  และแก้กรรมได้อีกด้วย  เพราะฉะนั้นคนที่มีความลึกซึ้งในวิชาโหราศาสตร์  จะต้องไม่พลาดในหลักปฏิจจสมุปบาท