บทความพิเศษ

 

ประวัติศาสตร์นอกตำรา ตอน ซุนปิน (ตอนจบ)
18 พ.ค. 2558

 

 

ประวัติศาสตร์, โหราศาสตร์, อาจารย์แอน, ajarnann, ซุนปิน

 

 

        รัฐเว่ยเสียหน้าในการศึก "ล้อมเว่ยช่วยจ้าว" ของซุนปิน ก็ยังไม่เข็ด ยังอยากทำสงครามขยายอาณาเขตต่อไป หนึ่งร้อยปีก่อนพุทธกาล กองทัพเว่ยนำโดย ไท่จื่อซิน พร้อมผางเจวียน ยกทัพตีรัฐหานอีก

         รัฐหานก็ขอความช่วยเหลือจากรัฐฉีตามเคย ฉีเวยอ๋องก็ตามเคยชอบขยายอำนาจด้วยการช่วยเหลืออยู่แล้ว จึงส่งเถียนจี้แม่ทัพและซุนปินไปตามเดิม เถียนจี้ก็เถรตรงใช้แผนเดิม เดินทัพไปล้อมเมืองหลวงของเว่ย  คือต้าเหลียงเหมือนเดิม ซุนปินก็ไม่ขัดค้าน แต่พอถึงต้าเหลียง  แคว้นเว่ยก็สั่งเลิกทัพทันที

         เถียนจี้ก็งงเหมือนกัน แต่พอฟังซุนปิน ก็ร้องอ๋อ รีบทำตามแผน ดังนี้

         ถอนค่ายพักครั้งแรก ให้ทิ้งร่องรอยการหุงหาอาหาร    แสดงว่ามีกำลังทหารประมาณสิบหมื่นคน
 

        ถอนค่ายพักครั้งที่สอง ให้ทิ้งร่องรอยการหุงหาอาหารแสดงว่ามีกำลังทหารห้าหมื่นคน
 

        ถอนค่ายพักครั้งที่สาม ให้ทิ้งร่องรอยการหุงหาอาหารแสดงว่ามีกำลังทหารสามหมื่นคน
 

        ลักษณะการถอนกำลังอย่างนี้ เพื่อให้ฝ่ายเว่ยเข้าใจว่า ทหารฉีหนีทัพและเป็นการถอยอย่างไม่มีระเบียบ และฉุกละหุกเหมือนประสบปัญหาบางอย่าง ส่วนผางเจวียน เคยโดนแผนเดิมก็ระวังตัวอยู่แล้ว พอรู้ว่าทัพฉีใช้แผนเดิม ก็ขอแยกทัพจาก ไท่จื่อซิน แม่ทัพของเว่ย กลับมาหนึ่งกอง เพื่อคิดบัญชีแค้นกับซุนปิน  และเมื่อเดินทัพกลับมาที่ต้าเหลียง  ก็ทราบถึงการถอนทัพอย่างไร้ระเบียบของทัพฉีก็กระหยิ่มใจ คิดย่ามใจตามตีซุนปินให้แหลกลาน จึงเร่งม้าตามอย่างกระชั้นชิด

         ในที่สุด ตามไปถึงค่ายพักที่ซุนปินทิ้งไว้ครั้งสุดท้าย เมื่อเข้าไปตรวจดูร่องรอย เห็นว่ามีทหารเหลืออยู่แค่กระหยิบมือเดียว ทั้งยังมีรอยรถเข็นของซุนปิน แสดงว่าอยู่ไม่ไกลแล้ว

         นี่เป็นการล่าระหว่างศิษย์สำนักเดียวกัน เรียนวิชาจากอาจารย์เดียวกัน และใช้วิชาที่เรียนมาเหมือน ๆ กันด้วย  ซุนปินเลือกสถานที่เผด็จศึกที่  หม่าหลิง หรือ ภูม้า   ปัจจุบันอยู่ที่อำเภอฟ่าน ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเหอหนาน

         และกองทัพส่วนใหญ่ของรัฐฉี ก็ไม่ได้หนีทัพหรือยกกลับบ้านตามที่ผังเจวียนเข้าใจ แต่ไปรอที่เส้นทางระหว่างเมืองต้าเหลียงของรัฐเว่ย และหม่าหลิงหรือภูม้า นี่เอง เส้นทางที่ซุนปินล่อให้ผางเจวียนมาติดกับ เป็นซอกเขาหน้าผาสูงชัน มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นบังอยู่สองข้างทางอย่างหนาแน่น

         ซุนปิน จัดกำลังทหารขมังธนูหนึ่งหมื่นคน แอบซุ่มไปตลอดหน้าผาทั้งสองฟากทาง แบ่งข้างละห้าพันคน และสุดทางก็ให้ทหารโค่นต้นไม้มาตั้งขวางทาง ถากกิ่งและใบออกจนเกือบหมด และสลักข้อความว่า "ผางเจวียนสื่อยีฉื่อซู่จือเซี่ย" แปลว่า ผางเจวียนตาย ณ ใต้ต้นไม้นี้  แล้วนัดแนะว่า ถ้าเห็นคบไฟสว่างที่ต้นไม้นี้ให้ระดมยิงธนูทั้งหมด

        การติดตามของผางเจวียนพร้อมด้วยกองทัพม้าตะลุยมาถึงช่องแคบเวลาพลบพอดี ไม่ทันเห็นว่าเป็นช่องผาแคบ ตามข้อห้ามในการทำศึก เพราะมีป่าไม้บัง กองทัพเร่งไปจนสุดทาง ทหารต่างตระโกนว่ามีต้นไม้ขวาง ผางเจวียนเร่งร้อนจะทำร้ายซุนปิน รีบลงจากม้าไปที่ต้นไม้ ให้ทหารส่องดูด้วยคบไฟ เมื่อผางเจวียนชูคบไฟสูง ก็อ่านพบข้อความว่า "ผางเจวียนตายที่นี่" พร้อมกับเป็นการให้สัญญาณธนูห้าพันดอกพุ่งตรงมาที่ตน ถูกตรึงไว้กับต้นไม้

         เรื่องราวตอนนี้ ทำให้ขงเบ้งคาดการณ์ไปถึงการสูญเสียบังทองที่หุบเขาหงส์ตาย ศิษย์ทั้งหลาย จำไว้ว่าเราชื่ออะไร แปลว่าอะไร ธาตุอะไร เมื่อรู้แล้วก็จะรู้ด้วยว่า ไม่ควรไปตรงไหน และจะรักษาทำเลอย่างไร

         กองทัพไท่จื่อซินที่ตามมา ก็ถูกทหารฉีที่ซุ่มไว้ ดักตีแตกกระเจิงไปหมด เป็นอันว่าทหารเว่ยหนีกลับเข้าเมืองได้ไม่ถึงหมื่นคน ซุนปินสามารถช่วยรัฐหานและสามารถล้างแค้นส่วนตัวได้สำเร็จโดยไม่เสียงาน

         อย่างไรก็ตาม เป็นความเศร้าลึก ๆ ของซุนปิน ที่ต้องฆ่าศิษย์สำนักเดียวกัน จึงคิดล้างมือ ไม่คิดรับตำแหน่งยอดกุนซือของแคว้นฉี ลาออกจากราชการตัดขาดโลกภายนอก นั่งเขียนตำราพิชัยสงคราม

         หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ฮั่นซู เขียนว่า พิชัยสงครามซุนปิน มีทั้งหมด ๘๙ บท  ได้รับการยกย่องว่ามีค่าเลิศล้ำเทียบเท่ากับพิชัยสงครามซุนหวู่  แต่น่าเสียดายค้นพบได้เพียง ๓๐ บทเท่านั้น

         เรื่องราวของซุนปิน จบลงเพียงเท่านี้ แต่ก็ให้ข้อคิดแก่เราว่า 


ศิษย์ สำนักเดียวกัน หากปราศจากคุณธรรม แม้ใช้วิชาเดียวกัน ธรรมะก็ชนะอธรรม  นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า คนฉลาดมาจากความรอบคอบ และเชื่อฟัง และข้อสุดท้าย แผนเดิมที่พลิกแพลงย่อมทำให้คนคาดไม่ถึง ดังแผนพลิกแพลงของซุนปินที่แปลงจาก "ล้อมเว่ยช่วยจ้าว"