บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๒๕/๑ - เล่าเปียว
20 ก.พ. 2561

 

โจโฉถือว่าตนเป็นฝ่ายรัฐบาล และช่วงที่พระเจ้าแผ่นดินไม่เข้มแข็ง เหล่าขุนศึก ขุนนาง อำมาตย์ ที่แข็งแกร่งต่างอยากเป็นผู้สำเร็จราชการ ดังนั้นตามหัวเมืองจึงมีขุนศึกนายพลทั้งหลายที่กระด้างกระเดื่อง ก็ต้องยกทัพกันไปปราบกันหลายครั้งหลายหน เพราะว่าต่างก็ถือว่าตัวเองเป็นหนึ่งด้วยกันทั้งนั้น มีฝีมือด้วยกัน เป็นผู้สำเร็จราชการได้ทั้งนั้น ใครก็มาเป็นได้ สงครามชิงอำนาจจึงเกิดอย่างไม่หยุดหย่อน
 
เมื่อเล่าปี่หนีออกจากโจโฉไปได้ ถึงเวลาสามพี่น้องได้พบกัน พอโจโฉยกทัพไปตีก็แตกกันหมด แยกย้ายกันไป เล่าปี่ก็ไปอยู่อ้วนเสี้ยว กวนอูก็ไปอยู่กับโจโฉ เตียวหุยก็ไปอยู่กังแฮ แตกแยกกันไปหมด ในที่สุด เรื่องราวก็ดำเนินไปยืดยาวให้มารวมตัวกันได้ที่เก๋าเซีย
 
เราย้อนมาดูอิทธิพลของดาว ๕ กับดาว ๗ กุมกัน ก็ต้องมีเหตุการณ์โดดเด่นกว่าคนอื่น โดดเด่นไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง มากกว่าคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของบ้านเมือง เมื่อดาว ๕ กับดาว ๗ จรมากุมกัน ก็ต้องมีเหตุการณ์โดดเด่นที่น่าบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทุกครั้ง ทั้งด้านเศรษฐกิจ หรือ สังคม ที่เปลี่ยนแปลงแบบหักมุม
 
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ว่าในดวงชะตาใครก็ตาม เมื่อดาว ๕ กับดาว ๗ กุมกันในชะตา สามารถที่จะฉกฉวยโอกาสได้รวดเร็วที่สุด แต่ต้องมีคุณธรรมประกอบกันด้วย แม้ส่วนตัวก็จะได้คนดีมีฝีมือไว้ใกล้ตัว เช่นโจโฉ คือ เขาชิงความเป็นรัฐบาลไว้ได้ก่อน พอขึ้นเป็นรัฐบาลได้แล้วก็เปรียบเป็นดาว ๕ เพราะดวงเมืองกำหนดมาตั้งแต่โบราณกาลว่าระหว่าง ๕ กับ ๗ ดาว ๕ เป็นบ้านเมืองฝ่ายรัฐบาล ดาว ๗ เป็นฝ่ายค้าน ก็จะเปรียบเหมือนคู่พระคู่โจร ทะเลาะกันตีกันอยู่ตลอด จนกว่าดาว ๕ กับดาว ๗ จะเดินแยกออกจากกัน
 
ดังนั้น เมื่อโจโฉได้โอกาสเป็นรัฐบาลก่อน และเป็นช่วงดาว ๕ กับดาว ๗ กุมกัน ในช่วงปี ค.ศ.๒๐๐ ที่ดาว ๕ กับ ๗ กุมกันจริงๆ ซึ่งคาดเดาว่าดาว ๕ กับ ๗ จะต้องถึงกันในดวงโจโฉด้วย ถึงได้โดดเด่น ถือว่าชิงความเป็นเจ้าได้ก่อน บวกกับคุณสมบัติของตนเองที่รวบรวมคนมีฝีมือ ทั้งเป็นคนวิเคราะห์คนเป็น รู้จักฟังที่ปรึกษา ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาไตร่ตรอง
ลักษณะของหน้าผากหมายถึงวิจารณญาณ หน้าผากส่วนบนของโจโฉคงจะดีกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ จึงมีวิจารณญาณที่ก้าวไกลกว่าคนอื่น
 
ประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ เมื่อโจโฉฟันเล่าปี่แตกไปหมดแล้ว ต่างคนต่างหนีไปตั้งตัว ยังตั้งตัวไม่ค่อยดี โจโฉก็หันมาปราบปรามอ้วนเสี้ยวเป็นสำคัญ เป็นศึกใหญ่ทีเดียว เพราะอ้วนเสี้ยวเป็นกำลังใหญ่ อ้วนเสี้ยวแตกกันเพราะภายในพี่น้องทะเลาะกันเอง แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังถือว่าเป็นศึกใหญ่สูญเสียกำลังพลกันไปเยอะ ในที่สุดโจโฉก็ยึดเมืองกิจิ๋วได้ชัยชนะโดยเด็ดขาด แต่ว่าโจโฉมีคุณธรรมส่วนตัว ออกคำสั่งไม่ให้ทหารทำร้ายพวกแซ่อ้วนและบรรดาผู้ยอมสวามิภักดิ์ แล้วการค้นพบจดหมายที่มีอยู่ในเมืองของอ้วนเสี้ยว ก็ค้นพบจดหมายของทหารฝ่ายโจโฉเองที่ขอสวามิภักดิ์ด้วย โจโฉก็ไม่เอาโทษ ถือว่าตอนทำศึกก็เป็นไปได้ที่เราจะแพ้ ฝ่ายเราก็อยากไปเข้ากับฝ่ายชนะเป็นเรื่องธรรมดา ใจกว้างถึงขนาดนั้น ทำให้ทหารนิยมน้ำใจ ประชาชนก็มีความยินดีเพราะสั่งทหารไม่ให้ทำร้ายใครเลย คือ เป็นฝ่ายรัฐบาลที่แท้จริง เมื่อเอาชนะแล้วไม่ทำเหมือนกองโจร
 
รัฐบาล คือ ดาว ๕ ตัวอ้วนเสี้ยวมีทหารเอก โจโฉก็ไม่ให้ประหารชีวิต อย่าง ลิมโพย ที่ปรึกษา แต่ลิมโพยบอกว่าไม่สมัครใจที่จะมี ๒ นาย ขอให้ประหารเขาเถอะ ถึงจะมีใจนิยมยินดีกับน้ำใจของโจโฉ แต่ก็ขอให้ประหารเขาตามนายไปดีกว่า โจโฉก็ให้ประหารแต่ก็สดุดีว่ามีความสัตย์ซื่อต่อนาย ผู้ใดจะทำราชการสืบไปภายหน้าขอให้ดูเยี่ยงลิมโพย
 
ส่วนบุคคลสำคัญอีกคนของอ้วนเสี้ยว คือ ตันหลิม เป็นผู้ชำนาญอักษรศาสตร์หาตัวจับยาก แต่ว่าแต่งคำโฆษณาโจมตีโจโฉไว้เป็นอันมาก โจโฉจึงถามว่า เหตุไฉนท่านจึงไม่ด่าแต่เพียงตัวข้าพเจ้า แต่กลับด่าไปถึงพ่อถึงปู่ของข้าพเจ้าด้วย ตันหลิมก็ตอบด้วยถ้อยคำสำหรับฝ่ายโฆษณาทั้งหลายว่า อุปมาเหมือนยิงเกาฑัณฑ์ เมื่อจะยิงแล้วก็ต้องเหนี่ยวด้วยแรงเต็มที่ หมายให้ถูกคนและสัตว์ตายคาที่ จะทำเหยาะแหยะหาได้ไม่
 
นี่เป็นคำอมตะของนักการเมืองรุ่นแรก บรรดาที่ปรึกษาและนายทหารผู้ใหญ่ของโจโฉนั้นโกรธหมด ขอให้โจโฉประหารชีวิตตันหลิม โจโฉไม่ประหารบอกว่ตันหลิมพูดถูก คนที่สติปัญญาทางอักษรศาสตร์เช่นนี้ไม่ควรทำให้ตาย ควรจะเลี้ยงไว้เพื่อแต่งหนังสือและจดหมายเหตุสำหรับแผ่นดินสืบต่อไป เป็นอันว่าสิ่งที่โจโฉทำเป็นที่ซาบซึ้งและสรรเสริญของประชาราษฏร์ทั่วไป เก็บคนดีไว้อีก
 
ชัยชนะของโจโฉที่มีต่ออ้วนเสี้ยวครั้งนั้น นับเป็นครั้งสำคัญมาก อ้วนเสี้ยวมีทหารประจำการร้อยหมื่น โจโฉได้ไว้เป็นทหารของตนห้าสิบหมื่น ครึ่งต่อครึ่ง โจโฉจึงให้สร้างปราสาทใหญ่ขึ้นที่ริมแม่น้ำเจียงโหแห่งหนึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ เรียกว่า ตั๋งเช็กไต๋ บอกว่าแก่ตัวลงจะมาอยู่ที่นี่ ปราสาทนี้จะเป็นเหตุการณ์สำคัญในวันข้างหน้า ที่ขงเบ้งใช้งานดึงเอาก๊กของซุนกวนมาไว้อยู่กับเล่าปี่ เหตุเนื่องมาจากปราสาทแห่งนี้
 
เหตุการณ์ตอนนี้แสดงถึงคุณธรรมของโจโฉซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าใครก็ตามที่วิเคราะห์สามก๊กมาโดยตลอด ก็ถือว่าโจโฉเป็นพระเอก แม้กระทั่งท่านคึกฤทธิ์ ท่านก็บอกว่า ทั้งหมดอ่านแล้วตัวเอกก็คือ โจโฉ คือ ฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วยคุณธรรมที่สมควรอย่างยิ่ง ถ้าเราวิเคราะห์ว่ารัฐบาลคือดาว ๕ ถ้าหากรัฐบาลใดไม่เป็นดาว ๕ จะมีบั้นปลายอนาถเหมือนอย่างตั๊งโต๊ะ ลิฉุย กุยกี หรือว่าเป็นอย่างขันทีทั้ง ๑๐ แต่โจโฉไม่ใช่ ถึงแม้ว่าจะมีในทางประวัติศาสตร์เขียนไว้ว่า จุ้นจ้านกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน หนังสือนี้บอกว่า หยาบช้ามากทำให้ก๊กต่างๆ ไม่พอใจ แต่ในการกระทำของโจโฉที่มีต่อทหารทั้งปวงก็ดี ต่อประชาชนก็ดี เป็นสิ่งที่ทำให้ตั้งเป็น ๑ ก๊กใน ๓ ก๊กได้ นี่คือ ดาว ๕