บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๑๖/๒ - ยี่เอ๋ง
19 ม.ค. 2559

 

ข้อความตอนยี่เอ๋งนี้ ขอยกมาจากสามก๊กทั้งดุ้น เพื่อผู้อ่านจะได้อรรถรสมากกว่าเป็นคำบอกเล่าเชิงเขียนของข้าพเจ้า ดังนี้

 

“โจโฉได้ยินยี่เอ๋งว่าเปรียบเทียบดังนั้น ไม่ทันได้ยินถนัดสังเกตผิดไป  จึงถามว่า แผ่นดินเรานี้ มีที่ปรึกษาและทหารที่มีฝีมือก็มีเป็นอันมาก เหตุไฉนตัวจึงว่าไม่มีคนดี  ยี่เอ๋งได้ฟังดังนั้น เห็นว่าโจโฉไม่รู้เท่า จึงตอบว่า มหาอุปราชว่า ที่ปรึกษาแลทหารซึ่งมีสติปัญญามีฝีมือนั้น คือผู้ใด ข้าพเจ้ามิได้แจ้ง  โจโฉจึงว่า ซุนฮก ซุนฮิว กุยแก เทียหยก ที่ปรึกษาของเราสี่คนนี้มีปัญญาลึกซึ้ง  ถึงเสียวโหกับตันเผงซึ่งเป็นนักปราชญ์ของพระเจ้าฮั่นโกโจนั้น ก็ไม่เสมอที่ปรึกษาของเรา  แลทหารเอกของเราที่มีฝีมือนั้น คือ เตียวเสี้ยว เคาทู ลิเตียน งักจิ้น สี่คนนี้มีฝีมือกล้าแข็ง ชำนาญในการสงคราม ยิ่งกว่าเงียมเหงกับม้าบู๊ ซึ่งเป็นทหารของพระเจ้าฮั่นกองบู๊  และลิยอย หมันทอง สองคนนี้เป็นที่ปรึกษารองของเรา กับ แฮหัวตุ้น อิกิ๋ม ซิหลง เป็นทหารเช่นนี้ก็นับร้อย เหตุใดตัวจึงว่าแผ่นดินหาผู้มีสติปัญญากล้าหาญไม่"

 

เรียกได้ว่าโจโฉ แฉกำลังพลของตนอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ก็เป็นกรรมของโจโฉ เพราะไปอวดกับคนที่ถือว่ามีดี ก็ต้องมีอารมณ์ถือดีเกิดขึ้น จึงมีคำตอบจากยี่เอ๋งดังนี้

 

ยี่เอ๋งได้ฟังดังนั้น ก็หัวเราะแล้วตอบว่า “ท่านว่านี้ เราไม่เห็นด้วย  คนทั้งปวงนั้น เรารู้จักความคิดเห็นฝีมืออยู่ทุกคน อันซุนฮกนั้นหน้าเหมือนหนึ่งจะร้องไห้ ชอบแต่ให้เยี่ยมไข้ส่งสักการะศพ  ซุนฮิวนั้นชอบแต่ให้เป็นสัปเหร่อรักษาศพ  เทียหยกนั้นชอบแต่ใช้ให้เฝ้าสุสาน  กุยแกนั้นชอบแต่ให้แต่งโคลงแลอ่านไปมา  เตียวเสี้ยวนั้นชอบแต่ให้ตีกลองแลระฆัง เคาทูนั้นชอบแต่ให้เลี้ยงวัวแลม้า  ลิเตียนนั้นชอบแต่ให้อ่านฟ้อง  งักจิ้นนั้นชอบแต่ให้เดินหมาย  ลิยอยนั้นชอบแต่ให้ใช้ชำระอาวุธ  หมันทองนั้นชอบแต่ให้เสพย์สุรากับกระดูกสุกร  อิกิ๋มนั้นชอบแต่ให้แบกกระดานไปทำค่าย  ซิหลงนั้นชอบแต่ให้ฆ่าสุกรขาย  แฮหัวตุ้นนั้นชอบแต่ให้คอยรักษาตัว อย่าให้ข้าศึกตัดเอาศีรษะแลแขนซ้ายขวาไปได้  อันที่ปรึกษาแลทหารนอกนั้น ชอบแต่ให้หาบเสบียงส่งกองทัพ ซึ่งท่านนับถือว่ามีสติปัญญากล้าหาญนั้นไม่เห็นด้วย”

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โจโฉจะไม่โกรธจนตัวสั่น แต่ก็ทำให้รู้จักทหารเอกและที่ปรึกษาของโจโฉในแง่มุมแปลกๆ บ้างนะคะ  โจโฉยังคงต่อปากต่อคำต่อไปอีก ทำให้รู้สึกว่า ยี่เอ๋งนี่มีอะไรคล้ายๆ ละม้ายๆ พวกเราอยู่บ้าง เพราะเมื่อโจโฉถามว่า “แล้วตัวยี่เอ๋ง รู้อะไรบ้าง”

 

ยี่เอ็งตอบว่า “เราดูดาวในอากาศ ฝ่ายข้างแผ่นดินนั้น เราก็ชำนาญรู้ดูในภูมิฐานว่าดีหรือร้าย อนึ่งเราจะเพ็ดทูลตักเตือนพระมหากษัตริย์ให้ตั้งอยู่ในยุติธรรมเหมือนพระเจ้าเงียวซุนนั้นก็ได้  ประการหนึ่งเราจะชักชวนสั่งสอนอาณาประชาราษฎร์ ให้มีใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน เหมือนครั้งขงจื๊อกับงันเอี๋ยนซึ่งเป็นครูสั่งสอนคนทั้งปวงให้สัตย์ซื่อก็ได้ ซึ่งเราสนทนาแก่ท่านบัดนี้ อุปมาเหมือนพูดกับคนบ้าอันมิได้รู้ภาษาคน”

 

ที่ว่าเหมือนพวกเราตอนที่ “ดูดวงดาว” กับ “ดูแผ่นดินว่าดีหรือร้าย” หมายถึงวิชาฮวงจุ้ยเท่านั้นนะคะ อย่างอื่นไม่เหมือน ยิ่งประโยคหลังๆ ไม่เหมือนเราเลย น่ากลัวมาก เพราะตอนนั้น ยี่เอ๋งเกือบตายเพราะกระบี่ของ เตียวเลี้ยว ที่ปรึกษาของโจโฉที่ยืนอยู่ใกล้กัน ดีว่าโจโฉห้ามไว้ บอกว่า “ทุกวันนี้ยังขาดคนตีกลองรับแขก ให้ไปทำหน้าที่นี้ดีกว่า เมื่อเตียวเสี้ยวสงสัยว่า “คนหยาบช้าอย่างนี้ทำไมไม่ฆ่าเสีย”

 

โจโฉ บอกว่า “ตนได้ยินกิตติศัพท์ลือว่า ยี่เอ็งเป็นผู้มีสติปัญญา มีคนนับถือยำเกรงไม่น้อย ถ้าฆ่าเสีย ก็ต้องถูกครหานินทาเป็นแน่ แถมจะไม่ได้คนดีมาช่วยงาน เมื่อยี่เอ๋งเป็นคนหยาบช้าและอวดรู้ ก็ใช้ให้เป็นคนตีกลองรับแขกก็แล้วกัน”


อย่างนี้เขาเรียกว่าหยามกัน ยี่เอ๋งก็ต้องมองออก ก็มีการโต้ตอบ