บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๑๙/๗ - ตังเจี๋ยว
23 ก.พ. 2559

 

กลับมากล่าวถึงโจโฉ อยากพูดถึงที่ปรึกษาคนหนึ่ง คือ ตังเจียว เมื่อครั้งเอียวปิวออกอุบายให้ ลิฉุย กุยกี แตกกัน และเชิญโจโฉเข้ามาช่วยปราบปราม ต่อมาอำนาจทั้งหมดในเมืองหลวงตกอยู่แก่โจโฉทั้งหมด ทหารที่รักษาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ส่วนมากก็ขอลาออกไปเป็นเจ้าเมืองในที่อื่น ๆ บ้าง ลาออกจากราชการบ้าง เหลือแต่โจโฉแต่ผู้เดียว โจโฉจึงต้องเสาะหาผู้ที่มีวิชาความสามารถเข้ามารับใช้บ้านเมือง

 

ขณะนั้น พระเจ้าเหี้ยนเต้มีขุนนางอยู่ผู้หนึ่งชื่อว่า ตังเจี๋ยว พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงส่งตังเจี๋ยวไปหาโจโฉเพื่อมาปรึกษาราชการด้วย โจโฉเมื่อเห็นตังเจี๋ยวจึงได้สังเกตลักษณะ เห็นว่ามีลักษณะพ่วงพี ผิวเนื้อสดใส จักขุนั้นโตกลม คิ้วสุดหางตา โจโฉพิจารณาเห็นว่า ในเมืองหลวงนั้นทุกข์ยาก ข้าวปลาอาหารขัดสน ตังเจี๋ยวบำรุงร่างกายอย่างไรจึงมีผิวพรรณเหมือนดังบ้านเมืองยังปกติอยู่ ตังเจี๋ยวกล่าวว่าข้าพเจ้ามิได้บำรุงแต่อย่างใด หากแต่ข้าพเจ้าเป็นคนกินจุตั้งแต่อายุได้ ๓๐ ปี โจโฉเห็นเป็นผู้มีปัญญา จึงถามว่า ท่านเป็นขุนนางตำแหน่งใด ตังเจี๋ยวจึงว่าเป็นชาวเมืองเต๊งโต๋ว และเป็นที่ปรึกษาแก่อ้วนเสี้ยว ครั้นแจ้งว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จกลับมาสู่เมืองลกเอี๋ยง จึงกลับมารับใช้ พระองค์จึงโปรดให้เป็นที่เจียงกี้หลง แปลว่าที่ปรึกษา โจโฉชอบใจ กล่าวว่าเป็นบุญของเราที่ได้พบกับทาน จึงนำซุนฮกที่ปรึกษา มาแนะนำให้รู้จักกันไว้ เป็นอันว่าได้ตังเจี๋ยวมาเป็นที่ปรึกษาอีกคน

 

ต่อมาโจโฉปรึกษาตังเจี๋ยวว่า ได้ความเห็นว่าเมืองลกเอี๋ยงนี้มีอันตรายด้วยเพลิงไหม้ (ถือว่าฮวงจุ้ยไม่ดี เพราะสถานที่ที่เคยถูกไฟไหม้มาก่อนมักจะมีเรื่องร้อนเกิดขึ้น) เหตุเพราะว่ามีศึกสงครามบ่อยครั้ง หากจะอยู่ต่อไปคงจะมีเรื่องร้อนอีก หากจะตกแต่งค่ายคูประตูหอรบในเมืองเพื่อทำทำเลให้ดี เห็นจะยังขัดสนอยู่ เห็นควรว่าจะเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปประทับเมืองฮูโต๋ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ ก็จะเหมือนกับเนรมิตเมืองใหม่ถวายได้ในทันที ราษฎรทั้งปวงก็จักสรรเสริญท่านว่า มิให้ลำบากแก่ไพร่ฟ้าประชาชน โจโฉจึงกล่าวว่าตนเองก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน แต่หากเชิญเสด็จก็เกรงจะมีอันตรายระหว่างทาง ตังเจี๋ยวจึงกล่าวว่าโดยปกติแล้ว ราษฎรขุนนางทั้งหลายในเมืองนี้ อดอยากข้าวปลาอาหารอยู่ จึงให้ประกาศว่าเมืองลกเอี๋ยงนี้ขัดสนนัก จักเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปเมืองฮูโต๋ซึ่งมีข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ และให้ชาวเมืองทั้งหลายนำเสบียงมาส่ง และประชาชนก็อพยพไปพร้อมกัน เห็นจะไม่มีอันตราย

 

เมื่อคราวโจโฉจะย้ายเมืองหลวงนั้น ก็ได้ปรึกษากับอองหลิบผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาตร์ แต่อองหลิบเมื่อสังเกตดูดาวแล้ว จึงลอบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ก่อนที่จะแจ้งแก่โจโฉทราบว่า ข้าพเจ้าดูดาวไทเป๊ก (ไท หมายถึงสุกสว่าง) หรือดาวขาวตั้งแต่ฤดูฝนมาจนถึงฤดูแล้ง บัดนี้ข้ามมากลบรัศมีดาวแห่งพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้าพิเคราะห์เห็นว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้เหมือนกับจะสูญเสียอำนาจ ข้อความนี้มีคนนำไปบอกโจโฉ ในเวลาค่ำ โจโฉจึงใช้คนไปแจ้งแก่อองหลิบว่า ท่านนี้มีน้ำใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน อันราชสมบัติการบ้านเมืองนั้นลึกซึ้งนัก อย่าล่วงหน้าทำนายไป จะเป็นอันตรายแก่ตัว

 

โจโฉจึงปรึกษากับซุนฮก ซุนฮกกล่าวว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นธาตุไฟ แต่ว่าตัวท่านนั้นธาตุดิน หากยกไปเมืองฮูโต๋ซึ่งเป็นธาตุดิน จะคิดการณ์สิ่งใด ก็จะสำเร็จทุกประการ (ด้วยคำกล่าวนี้ ทำให้ทราบได้ทันทีว่าเป็นเรื่องของห้าธาตุ เรื่องห้าธาตุนั้น เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว (ประมาณ พ.ศ. ๗) แม้กระทั่งสมัยราชวงศ์ฮั่น ( พ.ศ. ๗๐๐ ) ก็ยังมีการพูดถึงเรื่องห้าธาตุอยู่ และการย้ายที่อยู่อาศัยก็จะต้องใช้ธาตุที่สอดคล้องกับตนเองจึงจะมีความเจริญ รุ่งเรือง) โจโฉจึงจัดทัพนำเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขุนนาง พระสนม ย้ายเมืองหลวงไปเมืองฮูโต๋ทันที และ ณ ที่นี้เองโจโฉก็ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นมหาอุปราช และให้ตำแหน่งทางการเมืองแก่ผู้ใกล้ชิดทุกคน

 

เป็นการสรุป บุคคลที่น่าสนใจ และมีแบบฉบับที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องราวของสามก๊ก เป็นอมตะ อ่านได้ทุกยุคทุกสมัย และทุกเพศทุกวัย ถ้าขยัน อย่าไปเชื่อว่า อ่านได้สามรอบแล้วคบไม่ได้ น่าคบออกเพราะคุยด้วยต้องระวังจะต้องอุบาย มีรสชาดดีนะคะ