ฮวงจุ้ยพื้นฐาน

 

ฮวงจุ้ยกับธุรกิจ ตอนที่ ๓
11 มี.ค. 2560

 

แม้แต่บนโต๊ะอาหารควรปล่อยให้โล่ง อย่าเอาของไปวางกองทิ้งไว้เสียจนครึ่งหนึ่งของโต๊ะอาหารมีของวางเต็ม อันนี้เท่ากับท้องของเราเต็ม
 
ของทุกอย่างจะต้องมีที่วาง เช่น เราจะวางถาดขนมไว้ตรงไหน ถาดผลไม้ตรงไหน เตาปิ้งตรงไหน ขนมขบเคี้ยวที่ซื้อมา เอาไว้ตรงไหน เรียกว่า ของทุกอย่างมีต้องที่มีทางประจำ
 
โต๊ะอาหาร เมื่อรับประทานอาหารหรือใช้เสร็จแล้ว ต้องเก็บให้โล่ง ต้องว่าง เท่ากับท้องของเราว่าง สามารถใส่ได้ตลอด ความหมายคือ ไม่ว่าเราทำธุรกิจอะไร เรารับได้หมด แต่หากมีของวางอยู่เท่ากับไม่ได้รับ มีข้อจำกัด เหมือนมีอะไรอยู่ในปากของเราแล้ว เมื่อรับมากเกินไปก็เลยต้องคายออก นี่ก็เป็นหลักง่ายๆของการจัดบ้านอย่างหนึ่ง
 
หลักการจัดบ้านข้อต่อมา คือ จุดเด่นหรือความสดใส ความมีชีวิตชีวา
 
เข้าบ้านไป เราเห็นจุดเด่นอยู่ตรงไหน เช่น เข้าบ้านแล้วต้องการจะนั่งพัก ที่นั่งพักของเราควรจะเป็นจุดเด่น ไม่ใช่บนเก้าอี้ก็มีของ หรือเอาผ้าคลุมเอาไว้เพราะกลัวมันเก่า ก็เลยไม่ใช้ หรือเมื่อเข้าบ้านมาต้องการทำงานต่อ ห้องทำงานก็ต้องเป็นจุดเด่น หรือเข้ามาแล้ว อยากดูทีวี ก็ต้องทำจุดที่นั่งดูทีวีให้เด่น
 
หรือแม้แต่ภาพวาดต้องมีจุดเด่น เช่น ภาพนก แม้จะมีองค์ประกอบอื่นๆ ในภาพ เช่น มีต้นไม้ มีนก มีท้องฟ้า แต่นกต้องเป็นจุดเด่น นี่คือองค์ประกอบของภาพ ในเมื่อแม้แต่ภาพวาดยังมีวัตถุประสงค์ บ้านของเรามีวัตถุประสงค์เช่นกัน องค์ประกอบของบ้านเราอะไรที่เป็นจุดเด่น แล้วจุดเด่นทั้งหมดในบ้าน ต้องไม่เด่นเกินตัวคน 
 
ดังนั้น ในบ้านของเราและตัวของเรา ก็จะมีจุดเด่นและอำนาจ มีบารมี สามารถควบคุมทุกอย่างได้
 
ความสดใสสดชื่น สีสันของดอกไม้ ตุ๊กตา ของเล่น ของใช้ หรือแม้แต่รางวัลที่เราได้รับมา ก็ต้องจัดไม่ให้รก จัดเป็นหมวดหมู่ มีที่ของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแจกันดอกไม้ หรือว่าหนังสือ
 
ไม่ใช่ประเภทซื้อมาแล้วยังนึกที่วางไม่ออก ก็เลยอยู่ในถุงวางไว้ก่อน อยากเอาอะไรก็ไปรื้อไปค้น แสดงว่าของทุกอย่างไม่มีที่ เวลาเราไปทำธุรกิจ สินค้าก็จะค้างสต๊อก และก็ไม่มีที่สำหรับหลายๆ อย่าง แล้วเราก็จะจัดการเรื่องบริษัทไม่เบ็ดเสร็จเสียที ท้ายที่สุด เราก็จะกลายเป็นคนขี้ลืม
 
ข้อถัดมาคือความสมดุลในบ้านของเรา ถ้าในบ้านมีของเก่า เราก็ต้องมีศิลปะในการตกแต่งให้เกิดความสมดุล ดูแล้วไม่ขัดกับความรู้สึก ไม่มืด ไม่ครึ้ม ไม่หนัก ไม่แข็ง คือเราเอาความรู้สึกของเราที่เข้าบ้านทุกวัน ว่าเราเข้าบ้านแล้วรู้สึกอย่างไร สว่างเกิน รกเกิน เหนื่อยเกิน ต้องถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า เข้าบ้านแล้วรู้สึกอย่างไร ถ้าเข้าบ้านแล้วเราอยากเข้าไป แสดงว่าเรามีสติปัญญา มีความเพียร มีความมุ่งมั่น มีความมั่นใจ แล้วเราก็จะจัดที่ทำงานเหมือนจัดบ้านของเรา สบายตาสบายใจ อยากเข้าที่ทำงาน อยากไปทุกวันเลย ต้องไปดูว่ามีอะไรคั่งค้าง แล้วงานคั่งค้างของเราอยู่บนโต๊ะ คือที่ทำงานของเรา ทุกอย่างต้องมีที่ของมัน เหมือนจัดบ้าน ถ้าเราจัดบ้านเป็น เราก็จะจัดทำเลของธุรกิจเป็น
 
แต่ที่แน่ๆ บ้านเราต้องเป็นหยาง ดูกลมกลืนแต่ก็สว่าง ถ้าบ้านเป็นหยาง ธุรกิจก็เป็นหยาง คือมีความก้าวหน้า แล้วก็มีจุดผ่อนพักที่พอดีๆ ระหว่างจุดที่เคลื่อนไหว เช่น อ่านหนังสือ ทำงาน มีกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน จะต้องมีมากกว่าจุดผ่อนพักในบ้านมากกว่าหนึ่งหรือสองจุด แต่อย่ามากเกินไป คือ พอดีๆ เหลื่อมกัน ก็หมายถึงว่าเราทำงานแล้วมีเวลาพัก ไม่ใช่ทำงานตลอดเวลา
 
แต่ถ้าจุดพักมีมากเกินไป แสดงว่างานของเรามีน้อยเกินไป ผลประกอบการก็น้อยตามไปด้วย อันนี้ก็เป็นเคล็ดอย่างหนึ่งในการจัดบ้าน
 
ข้อต่อมา คือเรื่องของการเลือกรูปภาพ สำหรับการที่เราจะเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง รูปภาพนั้นต้องมีความเด่นชัด รูปภาพนั้นเหมือนตัวเราในบ้าน มีจุดเด่นและมีจุดรองรับ คือภาพนั้นหมายความว่าอย่างไร เช่น ดอกไม้ ไม่ใช่เป็นดอกไม้เล็กๆ เต็มภาพไปหมดเลย หาจุดเด่นไม่ได้ อาจจะมีดอกใหญ่หนึ่งดอก ดอกกลางรองรับ และก็ดอกเล็ก หมายถึงคุณเป็นจุดศูนย์กลาง
 
เราจะเลือกภาพอะไรก็แล้วแต่ ในภาพนั้นต้องมีความหมายของจุดศูนย์กลาง ที่รวมของสายตา ฉะนั้น รูปภาพเป็นวงเล็ก บ้านของเราเป็นวงใหญ่ และธุรกิจก็เป็นวงที่สำคัญ ถ้าเราจัดเป็นสามขยักแบบนี้ เราก็จัดทำเลทางธุรกิจได้เหมาะสมแล้ว
 
การจัดบ้าน ถ้าเราสามารถดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มีวิธีคิดแบบนี้ ก็สอดคล้องกับการปฏิบัติในแต่ละวัน ก็จะเข้าหลัก ดินบันดาล เราจัดบ้านเป็น ทางธุรกิจก็เป็น
 
ส่วนเรื่อง ประสานบุคคล หมายถึงตัวเราต้องมีความสามารถที่จะทำธุรกิจ อย่างที่บอกว่า เราดูว่าเราพร้อมหรือยัง ประสบการณ์ เงินทุน และสามารถที่จะต่อไปได้นานเท่าไหร่ ให้เวลาตัวเองเท่าไหร่ในการคืนทุน เราต้องเร่งทำงานขนาดไหน อันนั้นเป็นเรื่องของประสานบุคคล  
 
 
ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยบ้าน, รับดูฮวงจุ้ย, แก้ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, อาจารย์แอน, ฮวงจุ้ยห้องนอน